วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 2 ใครกันแน่ตัวการล้มเจ้า

บทความ "ใบปลิวกู้ชาติ" โดย...สอาด จันทร์ดี
ใบปลิวกู้ชาติ บทที่ ๒ ตอน: ใครกันแน่ตัวการล้มเจ้า ?


ผมได้นำเสนอ "ใบปลิวกู้ชาติ" ไปแล้ว ๑ บทด้วยความยาว เอ-๔ จำนวน ๑ หน้า

เรียกว่าสั้นจ๊ดจู๋ แต่ก็ได้เนื้อหาสาระเต็มห้องหัวใจถ้าท่านผู้ใดอ่านให้ละเอียด จะพบว่า"การชักชวนให้ชูทักษิณ เป็นแนวทางแก้ปัญหาประเทศไม่สมานฉันท์"จะดีกว่าตั้งพรรคภูมิใจไทย เอาไปกล่อมหัวใจชาวอีสานบทที่ ๒ ของวันนี้ ผมขอตั้งคำถามว่า
"ใครกันแน่คือตัวการคิดจะล้มสถาบันพระเจ้าแผ่นดิน"? โปรดอ่านบทที่ ๒ ต่อนะครับก่อนอื่นผมขอกล่าวว่าพสกนิกรไทยทั้งแผ่นดิน มีความรักและหวงแหนพระเจ้าแผ่นดินยิ่งนักทั้งนี้ เนื่องจากคนไทยอยู่กับสถาบันกษัตริย์มาตั้งแต่ตั้งประเทศ ย่อมมีความผูกพันอย่างแน่นเหนียว โดยมิต้องอธิบายขยายความ แต่ผมก็มีความเชื่อว่า "มีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง"ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการ ปกครอง ไปสู่ระบอบประธานาธิบดี คนกลุ่มนั้น ได้แก่

(๑) พวกที่มีอำนาจในแผ่นดิน เช่นทหาร หรือพวกอำมาตย์ใหญ่
(๒) พวกตระกูล มั่งคั่งในประเทศไทย ซึ่งสามารถนับได้ว่ามีตระกูลใหนบ้าง

คนเหล่านี้ อยู่ใกล้ชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รู้จักหน้าตาว่ามีใครบ้าง ในขณะที่ ชาวไร่ชาวนา ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดแต่อย่างใด คนกลุ่มนี้อยากเปลี่ยนแปลง แต่ไม่กล้าปฏิวัติระบอบ ไม่กล้ากระทำด้วยมือของต้วเอง จึงอาศัยการยืมมือ "คนอื่น"ด้วยการก่อกระแสความขัดแย้ง กล่าวหาคนโน้น-คนนี้ ว่าไม่มีความจงรักภักดี จนในที่สุด คนไทยเกิดแตกแยกกันยกใหญ่ ดังจะเห็นได้ว่า "พวกเสื้อเหลือง"

คือคนที่ได้ชื่อว่ารักเจ้า ส่วนคนเสื้อแดง กลายเป็นคนจะล้มเจ้า มันเป็นไปเช่นนั้นอย่างไม่น่าเชื่อม็อบพันธมิตรได้กลายเป็น "สงครามตัวแทน" โดยคนชื่อ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ร่วมมือกับมหานอกวัด "พลตรี จำลอง ศรีเมือง" ภายใต้เดียรถีย์เถื่อน "นายรัก รักพงษ์"หรือ"โพธิรักษ์" เจ้าสำนักสันติอโศก ที่ห่มผ้าจีวรเหมือนพระ ออกบิณฑบาตรแต่มีจิตใจเหี้ยมโหด นำกองทัพธรรมมาปิดล้อมทำเนียบ และยึดสนามบิน(พระแบบไหน ทำเช่นนี้ได้)?

การกระทำดังกล่าว เรียกว่า "ยุทธการมุมกลับ" กล่าวคือสามารถล้างสมองคนเสื้อเหลืองจนเชื่อว่าคนอื่นว่าเป็นพวกเกลียดเจ้า แล้วยกย่องแต่พวกของตัวว่าเป็นคนรักเจ้าแม้แต่คนเสื้อเหลืองถูกระเบิดของตัวเองตาย ก็ได้รับการยกย่องว่า "เป็นผู้ปกป้องสถาบัน"ดังเช่น "น้องโบว์" ถึงกับได้รับการพระราชเพลิงศพ ซึ่งดำเนินการโดยพวกยืมมือคนอื่นเป็นผู้ปั้นแต่งขึ้นแผนชั่วของพวกมารที่ซ่อนร่างอยู่ในความจงรักภักดีเดินทางมาถึง "ทาง ๒ แพร่ง" คือ
(๑) แพร่งที่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง และ
(๒) แพร่งที่จะทำให้คนไทยแตกแยกกันอย่างใหญ่

หลวงทางทั้งสองแพร่งดังกล่าว นับแต่จะถูกกระชากลากดึงให้ประเทศไทยถอยหลังเข้าคลองประเทศไทยจะล้าหลัง ตกเป็นประเทศด้อยพัฒนา ประชาชนทั้งแผ่นดินได้รับความทุกข์ยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ เมื่อประชาชนลำบากมากมายอย่างรุนแรงก็จะก่อการประท้วงไปทุกหย่อมหญ้า ก่อความเสียหายให้แก่ประเทศ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ถึงจุดนั้นก็จะมี "คำถาม" ถึงระบอบการปกครองว่าเหตุไฉนจึงมีแต่ความเลวร้ายท้ายสุดก็จะเกิดความผิดหวังต่อระบอบ อันจะทำให้พวกที่ต้องการ "การเปลี่ยนแปลง" สามารถใช้เป็นข้ออ้างได้นอกจากนี้ ยังจะอาศัย "ข้อขัดแย้ง" ของประชาชนเอามาเป็นเหตุและปัจจัย อันจะก่อให้เกิดแต่ ความบาดหมางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆขณะนี้ คนพวกนั้นกำลังได้เปรียบในสนาม "สงครามตัวแทน" โดยมี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นเหยือ พกไปด้วยมวลชนคนเสื้อแดงอีกหลายล้านคนร่วมเป็นจำเลย อันเป็นการ "โยนดุ้นไฟใส่ประชาชน"ให้เกิดความคับแค้น จนประชาชนพวกนั้นหลงกลตกเป็นจำเลยในข้อหา"หมิ่นเบื้องสูง" นับจำนวนมากขึ้นอย่างน่าใจหาย

ถ้าวิเคราะห์ด้วยหลักปรัชญาเราจะพบว่า เหตุไรเล่าจึงโยนเรื่องเลวร้ายให้แก่คนในชาติว่าไม่รักเจ้า ทั้ง ๆ ที่ประชาชนมิได้มีพฤติกรรมมาก่อนเลย คำตอบก็คือ "นี้คือการใส่ร้ายป้ายสี" นี้คือการจุดไฟเผาเรือนของตัวเอง การกระทำเยี่ยงนี้ เรียกว่า "ยุทธการมุมกลับ" ด้วยการยืมมือคนอื่นล้มเจ้า คนที่ทำ มองเห็นใบหน้าหมดแล้ว ได้แก่พรรคประชาธิปัตย์ และ พันธมิตร และคนสำคัญอีกหลายคน อันประชาชน (คนอ่าน) ย่อมตระหนักดีว่ามีใครบ้าง น่าสังเวชใจ

ใครคิดจะยืมมือคนอื่นก็เห็นอยู่กลับไม่รู้ว่านั้นแหละคือตัวการ !ผมจึงเขียนให้อ่าน...โปรดอ่านแล้วตรองดูให้ลึกๆ ว่าถูกหรือผิด ?!

จบบทที่ ๒ : สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น