วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 16 รัฐบาลอภิสิทธิ์ กอดศพนักการเมื่องเน่า

บทที่ ๑๖ ตอน : รัฐบาล "อภิสิทธิ์" กอดศพนักการเมืองเน่า ?!

ท่านผู้อ่านที่ได้อ่านใบปลิวกู้ชาติของผมไปแล้ว ๑๕ บท ไม่ทราบว่าผลจะเป็นเช่นไร ชอบหรือไม่ชอบ ไม่อาจทราบได้ แต่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ผมก็ต้องรบกวนให้ท่านอ่านต่อไป ดังเช่นในบทที่ ๑๖ นี้...ก็ต้องเขียนรบกวนสมาธิ ของท่านอีกแล้วครับ

เรื่องมีอยู่ว่า ผมกำลังพูดจาไม่ดี อาจจะทำให้รัฐบาลได้รับความเสียหายแต่มันเป็นเรื่องจริงขอรับ ที่ผมได้กล่าวขึ้นมาว่า "รัฐบาลมะแลงสาบกอดศพนักการเมืองเน่า"ซึ่งก็เห็นกันอยู่ ว่านักการเมืองที่เป็นศพเน่ามีใครบ้าง

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นศพเน่ารายแรกที่รัฐบาล เอาเข้ามาร่วมทำงานให้เป็นถึงรัฐมนตรี ต่อมาก็ได้มี "ศพเน่า" อีกหลายศพที่เพิ่งจะส่งกลิ่นเหม็น อันเนื่องแต่ กกต. เพิ่งจะแงะฝาโลงออกมา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้จัดการรัฐบาล เป็นเสมือน "นายกตัวจริง" ในขณะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลายเป็นนายกหุ่นเชิดไปเสียฉิบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถูก กกต.ชี้มูลควมผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงสิ้นสภาพจากการเป็น ส.ส.ตามเหตุผลที่ กกต. ชี้ความผิด

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รีบลาออกจากการเป็น ส.ส. ทันทีแต่ยังคงอยู่ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้เพื่อจะได้ประกาศตัวแก่สังคมว่าตัวเองเป็นนัการเมืองชั้นดี เพียงแต่ กกต.ชี้ปุ๊บก็ออกปั๊บ ทำให้ดูโก้หรูไปเลย ทว่าแม้จะทำเช่นนั้นก็ตาม แต่ในความเข้าใจของผมนั้น ท่านต้องลาออก จากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย จึงจะมีคุณค่าจริงตามเจตนารมณ์

ถ้ายังกอดเก้าอี้อยู่เช่นนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเป็นนักการเมืองไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ขาดจากจิตสำนึกประชาธิปไตย เมื่อเขาขาดจิตสำนึก ประชาธิปไตย เขาก็จะมีเรือนร่างคล้ายศพผีเน่า มีความน่าเกลียดน่าชังอย่างยิ่ง

เรื่อ่งนี้ต้องคุยกันยาวหน่อยว่า "จิตสำนึกของนักการเมือง" มันแตกต่าง จากจิตสำนึกของประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ เนี่องจากนักการเมืองมีภารกิจ นำพาประชาชนไปสู่สิ่งที่ถูกต้องและดีงาม เปรียบเสมือนพระภิกษุที่บวชอยู่ในวัดท่านมีหน้าที่ตามพุทธประสงค์ คือเทศน์สอนสั่งประชาชน พระทุกองค์จะต้องบริสุทธิ์และงดงาม ถ้าพระองค์ไหนต้องปาราชิกแล้วละก็เป็นขาดจาพระทันที เมื่อขาดจากความเป็นพระแล้ว อย่ามานั่งให้ญาติโยมกราบไหว้อยู่

นี้ก็เช่นเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นนักการเมืองในระดับนำพาประชาชน ซึ่งตัวเองจะต้องเป็นคนที่ตั้งมั่นในคุณงามความดี แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วท่านกลับมีรูปร่างเหมือนคนไม่เอาไหน ไม่ได้รักษาคุณงามความดีอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับมีเรือนร่างเป็นผีเน่าทางการเมืองเข้าให้อีกด้วย มันจึงไม่ เหมาะสม ด้วยประการทั้งปวง ที่จะมานั่งเป็นผู้บริหารประเทศชาติ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นี้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี อันหมายถึงหัวหน้าที่แท้จริง คือ นายอภิสิทธิ์

นายอภิสิทธิ์ มีสิทธิ์ตามกฏหมายที่จะให้ใครเป็นอะไร จะเอาไว้ หรือเอาออก อยู่ที่นายอภิสิทธิ์ ตัวของนาย อภิสิทธิ์เองก็คือนักการเมืองใหญ่ เปรียบเสมือนท่านเจ้าคุณ ที่จะต้องมีศีลบริสุทธิ์ และมีความฉลาดหลักแหลม ไม่เลี้ยงพระนักเลง ไม่เลี้ยงพระปาราชิก เพื่อจะทำให้วัดของท่านเจ้าคุณให้สง่างาม

แต่ถ้าท่านเจ้าคุณเองก็ไม่ดีพอ แถมเลี้ยงพระปาราชิกอีกต่างหากท่านเจ้าคุณก็ไม่พ้นที่จะถูกญาติโยมขับไล่

ในกรณีเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ถือธงรับผิดชอบต่อประเทศ ซึ่งประกอบด้วย สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จักไม่เป็นทั้งคนชั่วเสียเอง และไม่เลี้ยงนักการเมืองที่ไม่ดี ยิ่งนักการเมืองผู้นั้น ขาดความชอบธรรม ก็ต้องให้ออกและไม่ควรยึดถือเอาไว้ โดยมิได้เห็นความสำคัญของประชาชน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อุ้มสม "กษิต ภิรมย์" นับว่าแย่แสนแย่ ยังยอมให้คนที่ไม่มีความชอบธรรม นั่งอยู่ในตำแหน่ง "รองนายกรัฐมนตรี" อีกคนหนึ่งมันก็เท่ากับท่านเลือกเข้าข้างศพเน่า โดยมิได้คำนึงความงดงามทางการเมืองเลยยิ่งไปกว่านี้ ยังจะมีผู้แทนราษฎรอีก ๑๓ คน ที่อยู่ในข่ายผิดรัฐธรรมนูญ ท่านเหล่านี้เป็น ส.ส. อยูในสภา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะสะท้อนให้เห็น "หัวใจ" ของคนชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ชัดแจ้งมาก ขึ้นว่ายืนอยู่ข้างเผด็จการอย่างบ้าบิ่น จองหอง เพียงใด

แม้ กกต. ชี้ขาดแล้วก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในสถานการณ์ปัจจุบัน (๑๐ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒) ถือว่าได้ทำให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนรูปหล่อแล้วว่า สุดท้ายแห่งสุดท้าย ข้างในก็ไม่แตกต่างจากไอ้เสือเอาวา ปล้นตั้งแต่วัดขึ้นไปถึงปล้นธนาคาร

ประการสำคัญ ปล้นแม้กระทั่งผู้คนในครอบครัวของตัวเอง อันได้แก่การขึ้นภาษีต่างๆ เท่ากับเป็นการปล้นรายได้ของประชาชน

ท่านผู้อ่านขอรับ...ผมขอกราบเรียนว่า ใบปลิวกู้ชาติของผมที่เขียนในวันนี้ ผมมีเจตนาให้คนชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้พบกับแสงสว่าง ไม่ตกเป็นทาสของพวกเผด็จการ ไม่ตกเป็นเหยื่อของอำมาตย์ และไม่หลงเชื่อมนุษย์หมาบ้า (พวกพันธมิตร) ที่ยุแหย่ว่าคนเสื้อแดงจะล้มล้างสถาบัน พูดให้ชัด คือไม่หลงเชื่อในข่าวที่ไม่มีมูลความจริง

ผมจึงอยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้อ่านใบปลิวกู้ชาติ ตั้งแต่บทที่ ๑ มาจนถึงบทที่ ๑๖ คือ ฉบับนี้ เพื่อจะได้รู้ความจริงที่ถูกต้องว่า คนที่ถูกสงสัยว่าจะเป็นตัวการ "ล้มกษัตริย์" ก็คือพรรคมะแลงสาบ อันประกอบด้วยตัวของ นาย sensor (เทือก) และตัวของนาย Sensor (มาร์ค) เอง

ทั้งนี้ยังมีคน อื่นอีกหลานสิบคน ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าวนี้ เมื่ออ่านแล้ว ดังที่ได้บอกเอาไว้ มาร์ค จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็สุดแต่ แต่จะเรียนให้ทราบไว้ว่าเมื่อพวกท่าน "กอดศพนักการเมือง" ที่มีกลิ่นเหม็น บางศพเน่าข้ามปี บางศพ กำลังจะเน่า ดังที่เป็นอยู่ใน ขณะนี้ ท่านไม่อายหรือ ที่ด่าพรรคพลังประชาชน (ด่าจักรภพ เพ็ญแข และด่านพดล ปัทมะ) อย่างไม่มีชิ้นดี

คราวนี้ เหตุเกิดกับตัวเอง กลับพากันกอดแต่ศพนักการเมืองเน่า แล้วท่านจะพา ชาติรอดได้อย่างไร มิทราบของรับ...?!

จบบทที่ ๑๖ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น