วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 12 กลัวทักษิณจนเยี่ยวราด

บทที่ ๑๒ ตอน : กลัวทักษิณจนเยี่ยวราด ?!!

นับว่าเป็นกรรมเป็นเวรของประเทศไทย ที่ชนชั้นผู้ปกครอง มองปัญหาของชาติไม่ออก ไม่รู้ว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร จึงเที่ยวไปก่นด่าคนอื่น เช่นก่นด่า ตำหนิ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร และกล่าวหา "คนเสื้อแดง" ว่าไม่รักพระเจ้าแผ่นดิน พวกเขาน่าจะตระหนัก แก่ใจว่า การกล่าวหาเช่นนั้น รังแต่จะก่อความเสียหายให้แก่พระราชอาณาจักรไทยและประชาชนชาวไทย ดังจะเห็นได้จากกรณี "นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ไปจังหวัดบุรีรัมย์ ต้อง ขนทหาร ตำรวจไปอารักขาหลายพันคน

การกระทำดังกล่าวมันหมายถึงนายกรัฐมนตรีของ ประเทศไทยกับประชาชน เป็นศัตรูของกันและกัน เป็นคนละพวก คนละเผ่าพันธุ์ ใช่ไหม ? ประเทศไทยมันเป็นถึงเพียงนี้ ย่อมหมายถึงสติปัญญาของนายกรัฐมนตรีและขนชั้นผู้ปกครองทั้งหลาย อ่านปัญหาไม่ออก เมื่ออ่านปัญหาไม่ออก มันจึงเท่ากับตีโจทย์ไม่แตก - แยกปัญหาไม่เป็น ในที่สุดก็ทึกทักว่าประชาชนล้วนแต่เป็นตัวอันตรายของชาติ เหตุนี้แล ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงลุกเป็นไฟ

ต่อไป แผ่นดินไทยทั้งประเทศก็จะเหมือน ๓ จังหวัดภาคใต้ เช่นนั้น กระมัง ?ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมเขียนใบปลิวกู้ชาติผ่านมาแล้ว ๑๑ บท วันนี้กำลังเขียนบทที่ ๑๒ ซึ่งเป็นบทว่าด้วย "พวกเขากลัว พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร จนเยี่ยวราด" ซึ่งเป็นชื่อ ที่ผมอยากนำเอาภาษาพูดแบบชาวบ้านมาเขียน จะได้เข้าใจง่าย

คำว่าเยี่ยวราด ตรงกับภาษาที่สวยหน่อย ก็คือ "ฉี่ราด" อันหมายถึงคนที่กลัวอะไรจนคุมสติไม่อยู่ ฉี่แตกออกมา หน้าตาเลิ่กลั่ก หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เหมือนคนกลัวตาย เปรียบเรื่องนี้ให้เหมือนกันครับ พวกเผด็จการ "กลัวทักษิณ" ชนิดขี้หดตดหายเพียงแค่เงาของทักษิณแว่บเดียว จะพากัน "ตาเหลือก" ไปทั้งวง ถ้าเห็นตัวตนคนชื่อทักษิณ ชินวัตร เหยียบแผ่นดินเมื่อใด เมื่อนั้นจะมีคน "หัวใจวายตาย" ลงต่อหน้า หรือไม่ก็อาจฉี่แตก กางเกงเปียกไปทั้งตัว

ทุกวันนี้นะ ทักษิณ โฟนอินเข้ามาถี่ยิบ ทำให้คนที่กลัวทักษิณถึงกับมีอาการประสาท จะกินตาย ยิ่งมาพบเข้ากับปฏิบัติการของคนเสื้อแดงที่พากันลงชื่อเพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ พวกเขาถึงกับมีอาการช๊อก จะใจขาดตายเอาให้ได้ คนที่ช๊อคก่อน เพื่อน ได้แก่คู่แฝด "แก้วสรร อติโพธิ" กับ ขวัญสรวง อติโพธิ สองคนนี้ช๊อคแบบไหน ผมจะไม่ขยายความ สรุปว่าช๊อคก็แล้วกัน

คนต่อมาได้แก่ ส.ว. อโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ รองประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการบังคับ ใช้กฏหมายเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งได้แสดงออกด้วยการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า การยื่นขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง เมื่อ ส.ว. อโณทัย กล่าวเช่นนี้ไปแล้วยังมีข้อความใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย ผมจึงขอคัดเอามาเต็มประโยค ดังนี้

"คาดว่าต่อไป จะมีฉากให้ชาวบ้านชุมนุมถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์แล้วคลานเป็นทิวแถวเข้าไปลงนามถวายฎีกาด้วยน้ำตานองหน้า เรียกความสะเทือนใจไปทั่วประเทศ ฉากนี้จะเกิดขึ้นไล่ไปทั่วถิ่นฐาน"

ผมอ่านข้อความอันเป็นคำพูดของ "ส.ว. อโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์" จบ...ผมก็เข้าใจว่าหมายถึง การขอพระราชทานอภัยโทษ ที่สามเกลอหัวขวดพากันล่ารายชื่อ ๑ ล้านคนอยู่ในขณะนี้ แม้จะพากันถวายฎีกาอย่างไร ในหลวงก็จะไม่ทรงพระราชทานให้ อันจะเป็นเหตุให้ "พสกนิกร" ที่รักทักษิณจะแห่คลานเข้าไปกราบรูปในหลวง แล้วคร่ำครวญด้วยน้ำตานองหน้า อันเป็นการกล่าวหาด้วยการ "คาดเดา" ไปตามประสาของ ส.ว. อโณทัย ที่ไม่เข้าใจได้เลยว่าเอาอะไรมาคิดและเอาหลักการอะไรมาวินิจฉัย ว่าจะเกิดเหตุพลิกผัน ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แล้วเอาหลักการอะไรมา "คาดเดา" ว่าคนเสื้อแดงจะพากันหมอบคลานด้วยน้ำตานองหน้า

ผมมีคำถามว่า บ้าหรือเปล่า ที่เดาอย่างนี้?!

อย่างไรก็ตาม จะบ้าหรือไม่บ้าก็ตามแต่ สิ่งที่ผมอ่านไต๋ออกมาได้ ได้แก่ ความหวาดกลัว พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร มีอานุภาพรุนแรง และร้ายแรงมาก จนไม่อยากเห็นคนชื่อทักษิณได้เดินทางกลับประเทศไทย พวกเขาจึง "รวมหัวกัน" ต่อต้านชนิดเอาเป็นเอาตายด้วยการงัดเอายุทธการ และ ยุทธวีธี มากมายหลายชนิดเอามาใช้ในการขัดขวาง ไม่ให้มนุษย์คนไหนสามารถยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือท่านนายกทักษิณได้

การกระทำแบบนี้ อ่านได้ชัดว่าพวกเขากลัวทักษิณมาก กลัวจนฉี่แตก หรือกลัวจนเยี่ยวราด

ความกลัวนระดับนี้ เป็นอันตรายต่อความมั่นคงยิ่งนัก เพราะพวกเขาจะอ้างทุก สิ่งทุกอย่าง เพื่อจะกำจัดทักษิณให้พ้นทาง แล้วจะใช้กำลังทหาร "ยึดอำนาจรัฐ" อีกครั้งหนึ่ง หรือไม่ก็...อาจจะวางแผนฆ่าทักษิณ ชินวัตร เอาให้จบเกมไปเลย ท่านผู้อ่าน ผมไม่อยากคาดเดาเหมือนคนบ้า ๒ - ๓ คนที่ผมเอ่ยนามเอวไว้ในบท ที่ ๑๒ ของใบปลิวกู้ชาติเรื่องนี้

ผมขอสรุปว่า ถ้าบ้านเมืองนี้มันจะมีอันเป็นไปก็ต้องเป็นไป คงไม่มีใครขัดขวางได้ดอกครับ... ทั้งนี้เนื่องจากยุคนี้ เป็นยุคคนใจเหี้ยมโหดครองเมือง

ผมขอจบบทที่ ๑๒ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น