วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 39 นิรโทษกรรมแบบนี้ ปรองดองชาติไม่ได้

บทที่ ๓๙ ตอน : นิรโทษกรรมแบบนี้ ปรองดองชาติไม่ได้ ?!

ข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยจะเสนอร่างกฎหมาย “นิรโทษกรรม” เข้าสภาโดยไม่เคยมีข่าวให้รู้ล่วงหน้าและไม่ระแคะระคายมาก่อน คิดไม่ถึงว่าจะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในสถานการณ์ เช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่ “คนเสื้อแดง” เพิ่งจะยื่นหนังสือถวายฎีกาเสร็จสิ้น และผ่านไปหยก ๆ ไม่ถึง ๒ วัน (วันยื่นหนังสือถวายฎีกา : ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒) !

เอ๊ะ...เมื่อก่อนทำไมไม่คิดยื่น ? ผมได้ตรวจดูข่าวอย่างละเอียดด้วยความรู้สึกสงสัยว่าทำไม จึงมุ่งแต่จะนิรโทษให้แก่คนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดง ๒ ฝ่ายนี้เท่านั้น ทำไมไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๓ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร จะได้สมเหตุผลอย่างยิ่ง

เหตุที่ว่า “สมเหตุสมผล” หมายถึงต้นตอของปัญหาเกิดมา จากอำมาตย์และพวกเผด็จการพากันก่อขึ้น ด้วยการโยนความผิดไปให้ ท่านนายกทักษิณ หาว่า “ใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี” ซึ่งเป็นการ “ปั้นความเท็จ” ใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง ดังที่ทุกท่านทราบดีอยู่แล้ว

ดังนั้น การที่จะมีกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่คนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดง มันจึงไม่สมเหตุสมผลด้วยประการทั้งปวง เนื่องจาก คนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดง คือเครือข่ายมวลชนที่ผูกติดอยู่กับ “หัวกระบวน” ที่เป็นคู่ทะเลาะวิวาทกัน

เสื้อเหลืองนั้นผูกติดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพวกอำมาตย์น้อยใหญ่ อีกจำนวนหนึ่ง ที่รวมกันเข้าเป็นกลุ่มเผด็จการ น่าจะเรียกคนกลุ่มนี้ ว่าเป็นฝ่ายเอาความเท็จมา “กล่าวหา” !

คนเสื้อแดงนั้น ผูกติดอยู่กับ “พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร” เรียกว่าฝ่าย “ผู้ถูกข้อกล่าวหา” อันเป็นเท็จ เล่นงาน สะบักสะบอม !

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงสรุปได้ว่าคู่กรณีของเรื่องนี้ ได้แก่คนใหญ่ คนโตของประเทศไทยเป็นหัวกระบวน หาใช่ปลายแถวคนเสื้อเหลือง และปลายแถวคนเสื้อแดงแต่อย่างใดไม่ แล้วเหตุไฉน พรรคภูมิใจ ไทยจึงไม่คิดที่จะแก้ปัญหาที่ต้นตอ แต่กลับมุ่งไปหา “พวกตู้รถพ่วง” เพื่อจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พ่อแม่พี่น้องชาวรากหญ้า หรือพวกปลายแถวให้ได้ แล้วแสดงโวหารว่ากฎหมายฉบับนี้ จะทำให้คนในชาติเกิดความสงบ ความสมานสามัคคี อันจะทำให้ คนไทยปรองดองกันได้ เขาว่าอย่างนั้น

ขอโทษ หัวกระบวนยังเป็นพระเพลิงอยู่
ในขณะ “ปลายแถว” ยังเดือดปุด-ปุด
แล้วมันจะสงบได้อย่างไร ?

ผมจึงอยากเขียนในเชิงสนทนากันเล่นกับท่านผู้อ่านที่ติดตาม ใบปลิวกู้ชาติ โดยมิได้หวังผลว่าจะทำให้เกิด “จิตสำนึก” หรือเกิดการ เข้าใจใหม่แต่ประการใดไม่ เพราะว่าเราตระหนักอยู่แก่ใจของเราดีว่า ประเทศไทยกลายเป็นประเทศไร้ระบบไปหลายปีแล้ว

ดังนั้นเราควรมาช่วยกัน “นินทา” เล่นดีกว่าเน๊าะ...จริงไหมครับ ผมขอนินทาว่า คนที่โยนความผิดอันเป็นเท็จให้แก่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนแรก ได้แก่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในสมัย นายชวน หลีกภัยยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ เมื่อ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการสนับสนุนให้เป็นทายาททางการเมืองต่อจาก นาย ชวน หลีกภัย ในระดับนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ก็ได้สวมวิญญาณ “เท็จ” ตามก้นนายชวนทุกอย่าง

ผมนินทาอย่างนี้ นับว่าไม่ผิดไปจากข้อเท็จจริง ผมขอนินทาข้ามไปที่ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” (พธม.) ที่มี สมีโพธิรักษ์ กับคู่หู ๒ คน คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับ พลตรี จำลอง ศรีเมือง พากันเป็นนักรบแนวหน้านำพากองทัพธรรม บุกพรรคไทยรักไทย บุกเลยมาถึงพรรคพลังประชาชน และพรรค เพื่อไทย ในยุคของท่านนายกฯสมัคร และนายกฯสมชาย ทำให้เห็น ฤทธิ์เดชของการใช้ “ความเท็จ” เล่นงานคนดีอย่างดุเดือดเลือดพล่าน มากขึ้น...และมากขึ้น

ขนาดยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน ก็ยังกล้าทำ การกระทำทั้งหลายพวกนั้น ได้อ้างความเท็จเอามาเป็น เครื่องมือโดยอ้างว่าเป็นเพราะทักษิณ เป็นคนชั่ว เป็นภัยต่อประเทศชาติ หากขืนปล่อยไว้ ประเทศไทยจะเสียสถาบัน และกล่าวเลยไปถึงปัญหา ประเทศไทยจะเสียดินแดนให้แก่ประเทศกัมพูชา (ดูเขากล่าวหาซีครับ)

มิใช่แต่เท่านี้ ยังกล่าวเท็จกันทั้งโคตรว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร มีผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยการไปมีสัมปทานบ่อน้ำมัน ลักลอบขโมยทรัพยากรของชาติขายเอาเงินใส่กระเป๋า หลังจากนั้นก็ นำเอาถ้อยคำที่เป็นเท็จไปหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อ จนเป็นเหตุ ทำให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้นในชาติ มีพวกเสื้อเหลืองมากมาย มีการเดินขบวน มุ่งที่จะขับไล่รัฐบาล มีการ “เอามือตบไล่ตี ไล่ด่า” จนเป็นเหตุทำให้เกิด ประเพณีตีนตบตามขึ้นมา

เสื้อแดงล้างแค้นเสื้อเหลือง ?!!

ครับ ผมนินทายืดยาวขนาดนี้ก็จริง แต่เอาเข้าจริงมันเป็นเพียง “เสี้ยวหนึ่ง” ของนิยายการเมืองน้ำเน่าในยุคกึ่งพุทธกาลของประเทศ สยาม ที่สามารถลูบคลำจับต้องได้ แต่เอาเข้าจริง มันกลับไม่อาจเปิดเผย ของจริงให้เห็นได้เลย แม้แต่กระดาษแผ่นเดียว

ตัวอย่างเช่นกรณีข้อกล่าวหาว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร มีผลประโยชน์ทับซ้อน แอบตักตวงผลประโยชน์บ่อน้ำมันในน่านน้ำไทย กับประเทศกัมพูชา ทักษิณ เป็นคนขายชาติ

พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาเป็นตุเป็นตะราวกับมันเป็นเรื่องจริง ทุกประการ

แต่วันนี้ หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล (สมใจนึก) มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง อันจะสามารถ ตรวจสอบได้ด้วยพลังมหาศาล

แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถ “ดึงเอาสัญญา” ที่เป็นปัญหา ทับซ้อนมาฉีกหน้า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ได้แม้แต่แผ่นเดียว ! เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ผู้อยู่ในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ได้เป็น นายกรัฐมนตรีใหญ่โตขนาดนี้ ไม่อาจ “เอาหลักฐาน” มาฟาดฟันได้

มันย่อมหมายถึงข้อกล่าวหาที่หลุดออกมาจากปากของพรรค ประชาธิปัตย์ในช่วง ๔ – ๕ ปีผ่าน “ล้วนแต่เป็นเรื่องเท็จทั้งเพ” มันเป็น เรื่องโกหกพกลม เป็นเรื่องของเจตนาร้าย และเป็นเรื่องความโฉดชั่ว ที่พากันตั้งใจทำ โดยไม่มีการคำนึงถึงคุณธรรม-จริยธรรมแต่ประการใด

ผมเขียนมาถึงถ้อยคำตรงนี้ ผมรู้สึก “ขำ” ในสติปัญญาของ นักการเมืองซีกพรรคประชาธิปัตย์ที่ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีพรรคอื่น ๆ เช่นพรรคชาติไทยเก่า (ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีจากเมืองสุพรรณ) จะพลอยตกเป็นเหยื่อของคนขี้จุ๊ตามไปด้วย รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย ที่มี “เนวิน ชิดชอบ” เป็นผู้บังคับบัญชาใหญ่ ดันให้นาย ชวรัตน์ ชาญวีระกูร รมว. กระทรวงมหาดไทย กลายเป็นคนชื่นชอบ “ความเท็จ” เข้าไปอีก มันดูไม่จืดกับสภาพการเมืองไทยเลยครับ

ใช่...ผมขำ แต่ไม่สามารถขำกลิ้งได้เลย เนื่องจากเรื่องเช่นนี้ มิใช่เรื่องสนุก แต่มันเรื่องของความคับแค้นใจ ที่ร้ายกาจและรุนแรง ความคับแค้นใจเช่นนี้ เคยก่อตัวเป็นภูเขาไฟขนาดย่อมขึ้นในประเทศ ญี่ปุ่น ถึงขนาดเป็นพลังผลักดันให้ “ ๔๐ - ยอดซามูไร” ต้องสวม วิญญาณโหด ไล่ตัดคอพวกอำมาตย์ชั่ว ขุนนางเลว ด่าวดิ้นเป็นผี เฝ้าป่าช้า

สาเหตุของ ๔๐ ยอดซามูไรนิรนามพวกนั้นยอมทำบาป เกิดจากอาการขำเหมือนกัน แต่เป็นประเภทขำไม่ลง

ผมขอนินทาให้ฟังต่อไปว่า หลังจากคมดาบซามูไร ฟันฉับ เข้าที่ต้นคอของอำมาตย์ชั่วและขุนนางเลวด่าวดิ้นลงไป ยอดซามูไร “จะยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจ” มีอาการขำที่ล้ำลึก เย็นยะเยือก ประหนึ่งเป็นการ “ยิ้มอำลา” แก่ดวงวิญญาณที่โฉดชั่ว พร้อมกับได้ สอดดาบเข้าฝักเพื่อจะเก็บรักษาไว้เป็นดาบสังหารขุนนางชั่วที่เป็นภัย ต่อประเทศชาติชาวอาทิตย์อุทัย

ผมเคยถามเรื่องนี้กับคนญี่ปุ่นว่า อะไรคือ “ทฤษฎี” ชี้นำ ของยอดซามูไรนิรนามเหล่านั้น คนญี่ปุ่นได้ให้คำตอบแก่ผมว่า เป็นเพราะขุนนางเลว อำมาตย์ชั่ว อาศัยพระราชอำนาจของจอม จักพรรดิ คดโกงประเทศชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถ ปราบปรามได้

มีแต่ยอดซามูไรเท่านั้น ที่สละชีพปราบปรามคนชั่วให้สิ้นซาก เมื่อภารกิจสิ้นสุดลง ยอดซามูไรก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย !แต่พร้อมที่จะกลับมาอีก...เมื่อชาติต้องการ ?!

ผมนินทาจบแล้วครับ...ผมขอสรุปว่า กฎหมายนิรโทษกรรมที่ พวกเขาพยายามเหลือเกิน ไม่ว่าจะล้มหรือได้รับการตราเป็นกฎหมาย... มันแก้ความปรองดองไม่ได้ดอกครับ ?!

จบบทที่ ๓๙ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น