วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 13 กรรมการสมานฉันท์..ฉันท์อะไรกันแน่

บทที่ ๑๓ ตอน : กก. สมานฉันท์ ..ฉันท์อะไรกันแน่ ?!

ท่านผู้อ่านที่อยู่ต่างประเทศ คงจะรู้สึกเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการสมานฉันท์ จะทำให้ ประเทศไทยกลับฟื้นคืนความสงบให้แก่ประเทศชาติได้ แล้วจะพากันเชื่อต่อไปว่าคณะกรรมการ สมานฉันท์ คือความหวังที่จะได้รับรู้ รูปแบบ และแนวทางทีจะทำให้คนไทยสมานฉันท์กันได้

ผมขอกราบเรียนว่า ใบปลิวกู้ชาติ บทที่ ๑๓ ที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ เป็นอีกความเชื่อหนึ่ง ที่แตกต่างจากท่านผู้อื่น กล่าวคือ "ผมไม่เชื่อ" ว่าคณะกรรมการสมานฉันท์ จะสามารถ ทำให้คนไทยสมานฉันท์กันได้

ทั้งนี้เนื่องจากข้อสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์ ไม่รู้ว่า มันเป็น"ฉันท์แบบไหนกันแน่?"

เพราะยิ่งติดตามอ่านดู ยิ่งเต็มไปด้วยความสับสน ค่อนข้าง จะเพ้อเจ้อ และวกวน ประการสำคัญ ความจริงไม่พูดถึง ไปพูดถึงเรื่องที่ไกลจากความเป็นจริงเรื่องอย่างนี้นะครับ อาจารย์ของผม "ท่านอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร" ได้บอกแล้ว บอกอีกว่า ปัญหาของชาติถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของแผ่นดิน การอ่านปัญหาของชาติต้อง อ่านให้ถูกต้อง และตรงประเด็นที่สุด อย่าอ่านผิด

ถ้าอ่านผิดเมื่อใด เมื่อนั้นจะทำให้การแก้ ปัญหาของชาติผิดพลาดไปทั้งกระบวน เรื่องนี้แลครับ ที่ผมจับเอามาเขียนถึง "คณะกรรมการสมานฉันท์" ที่กำลังทำรายงานสรุปความรู้ความเข้าใจเพื่อจะนำเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วให้ประธานสภารับลูกต่อ เพื่อจะทำให้บทสรุปดังกล่าวสามารถนำเอามาปฏิบัติให้เกิดผลได้

ผมจะไม่ขอวิพากย์วิจารณ์ว่าบทสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์จะดีหรือไม่ดีอย่างไร เพราะจะทำให้เสียเวลา ผมจึงคิดของผมว่า ผมจะนำเสนอ "ตัวปัญหา" ที่เป็นต้นเหตุทำให้ ประเทศเกิดเรื่องวุ่นวายไปทั้งแผ่นดิน เกิดมาจากปัญหา ๒ ปัญหา ดังนี้

ปัญหาแรก เกิดจากพรรคมะแลงสาบเกิดความเชื่อว่าพรรคไทยรักไทยจะครองความ ยิ่งใหญ่ในสนามการเมืองแบบผูกขาดไปหลายปี เนื่องจากนโยบาย "ประชานิยม" ที่พรรค ไทยรักไทยปฏิบัติการลงไป ประชาชนระดับล่างให้ความศรัทธาเลื่อมใส เกิดความรักความ ผูกพันยากที่จะแกะให้หลุดออกมาได้ อันจะเป็นเหตุให้พรรคมะแลงสาบต้องเผชิญชะตากรรม ถึงกับจะเป็นฝ่ายค้านยาวนานกี่เดือนกี่ปี ก็ไม่อาจรู้ได้

พรรคมะแลงสาบ จึงวางแผนบ่อนทำลายพรรคไทยรักไทย ด้วยความเหี้ยมโหดไร้ความเป็นธรรม และได้ลงมือบ่อนทำลายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนบ้านเมืองป่นปี้

ปัญหาต่อมา เกิดจากพวก "ต้องการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์" ที่รอคอยโอกาสว่าจะ ปฏิบัติการอย่างไร จึงจะทำให้พระมหากษัตริย์ง่อนแง่นได้ คนพวกนี้ได้ถือโอกาสเข้าร่วม เป็น "กระบวนการเดียวกัน" กับพรรคมะแลงสาบ ด้วยวิธีการตีป่าให้สั่นไหวไปทั้งแผ่นดิน พร้อมกับได้ "จุดไฟเผา" ด้วยวิธีการโน้มดึงเอาสถาบันเบื้องสูงลงมาเป็นข้ออ้าง นั้นก็คือ อ้างว่า "คนโน้นจะล้มเจ้า คนนี้จะเป็นประธานาธิบดี" อันเป็นผลให้คนที่รักเจ้า อันได้แก่ประชาชนทั้งหลายเกิดความเกลียดชัง มีอาการกระเหี้ยนกระหือรือ ต้องการแห่ม็อบไปเหยียบ อกพวกที่เป็นภัยต่อเจ้า

เมื่อเหยียบเขาไม่ได้ ก็พากัน "ยึดถนนมัฆวาน บุกเข้าทำลายสถานี โทรทัศน์ เอ็นบีที (ช่อง ๑๑ เก่า) แล้วเลยไปยึดทำเนียบรัฐบาล ประกาศขับไล่รัฐบาล ที่พวกเข้าใจว่า เป็นภัยร้ายแรงของสถาบันเจ้า ตามความเข้าใจของพวกเขา

เท่านั้นยังไม่พอ ยังเลยเถิดไปถึงการยึดสนามบินทั้ง ๒ แห่ง จนกลายเป็นการก่อการร้าย คนที่คิดจะล้มเจ้า ผมตั้งข้อสังเกตุที่เกิดมาจากความเชื่อโดยสนิทใจ เอาไว้ว่ามีหลายเคน เช่น "สันติอโศก" นายโพธิรักษ์ พลตรี จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวก อีกหลายคน ซึ่งอาจรวมทั้งนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศเข้าไปด้วย แต่ละ ในจำนวนนี้ ย่อมมีคนชื่อ"สุเทพ เทือกสุบรรณ" และ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ติดบัญชีรายชื่อพวกอยากล้มเจ้า เนื่องจาก ผมเชื่อโดยสนิทใจจริง ๆ ว่า ๒ คนนี้ เป็นทั้งหัวหอก ทำลายทักษิณ และเป็นทั้ง ตัวการปล่อยข่าวกล่าวหาทักษิณ ว่าใฝ่เป็นประธานาธิบดี ซึ่งก็ได้พ่วง "คนเสื้อแดง"เข้าไปด้วย

การกระทำของ คน ๒ คนนี้ ได้ก่อปัญหาขึ้นในสถาบัน จนปรากฏชัดว่าพวกเขา พากันดึงเอาเจ้าลงมาเป็นเครื่องมือทำลายคนอื่น ทำให้ประชาชนในประเทศแตกเป็น ๒ เสี่ยง สุดที่จะ ยับยั้งเอาไว้ได้

สิ่งที่ปรากฏให้เห็นว่าประชาชนแตกเป็นเสี่ยงได้แก่ "คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" กำลังระบาดไปอย่างน่าตกใจยิ่ง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมขอกราบเรียนเอาไว้ในบทที่ ๑๓ นี้ว่า ด้วยเหตุแห่งปัญหามันเป็น เช่นนี้ การนำเสนอแนวทางสมานฉันท์ ดังที่กำลังนำเสนออยู่นั้น หลักใหญ่ใจความต้องเน้น ไปที่มูลเหตุอันแท้จริงก่อน อย่าได้วกวนจับหาปมเงื่อนไม่เจอ เมื่อจับปมเงื่อนไม่เจอ แล้ว จะจับเอาประชาชน "สองฝ่าย" ให้มาปรองดองกันได้อย่างไร

ณ โอกาสนี้ ผมขอนำเสนอแนวทางสมานฉันท์ที่จะได้ผลนั้น ต้องประกาศหลักการ เบื้องต้น ๓ ประการ แล้วประกาศหลักการสนับสนุนอีก ๑๑ ประการ

หลักการเมืองเบื้องต้น ต้องประกาศว่า

(๑) ข้อกล่าวหาใด ที่ได้กล่าวหา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ว่าใฝ่จะเป็นประธานาธิบดีนั้น เป็นข้อกล่าวหาเท็จ จึงให้ออกกฎหมายพิเศษ ให้ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาร่วมกระบวนการทางการเมือง ในฐานะผู้บริสุทธิ์ และให้ออกกฏหมายพิเศษ เพิกถอนการสั่งเว้นวรรคทางการเมือง แก่นักการเมือง ทุกพรรค ทุกคน ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๒ นี้

(๒) ให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมแบบ ปัญจภาคี คือข้าราชการ ทหารตำรวจ นักการเมือง นักวิชาการ พ่อค้า ประชาชน เข้ามาเป็นผู้ควบคุมกติกา ห้ามมิให้บิดพลิ้วต่อแนวทางสมานฉันท์

(๓) ประกาศกฏหมายพิเศษว่าในรัฐบาลต่อไป จะต้องเลิกรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ด้วยการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ มาแก้ไขในบางมาตรา แล้วประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน จัดให้มีการเลือกตั้งใหญ่ภายใน ๙๐ วัน

สำหรับหลักการสนับสนุน ๑๑ ประการนั้น ให้เอาแนวคิดของคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่ได้สรุปเอาไว้มาแยกเป็นหัวข้อรวม ๑๑ หัวข้อ ก็จะได้ความสมบูรณ์ทุกประการ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมอยากนำเสนอความเห็นนี้แก่คณะกรรมการสมานฉันท์ให้พวกเขา กล้านำเอาไปใช้ จะสามารถแก้ปัญหาของชาติได้ ผมไม่เชื่อว่าแนวทางที่คณะกรรมการฯ ชุดนี้กำลังทำเสนอต่อสภา จะแก้ปัญหาได้ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนและพรรคการเมืองแบ่งเป็น สองฝ่าย และเป็นศัตรูแก่กัน(ต้นเหตุเกิดมาจากข้อกล่าวหาและความไม่เป็นธรรม) ซึ่งจะส่งผลให้พรรคมะแลงสาบ ไม่สามารถเดินทางเข้าสู่พื้นที่อีสาน และภาคเหนือได้ เช่นเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็ไม่อาจเดินทางเข้าพื้นที่ภาคใต้ได

คนไทยจะแบ่งเป็นภาคใครภาคมัน อันจะส่งผลให้เกิดข้อขัดแย้งอย่างใหญ่หลวง เป็นภัยต่อสถาบันของชาติอย่างร้ายแรง ซึ่งพวก "ต้องการล้มเจ้า"ปรารถนาร้อนแรงอยู่ในจิตใจ ก็จะถือโอกาสขย่มให้ประเทศชาติปั่นป่วนร้ายแรงมากยิ่งขึ้น คนพวกนี้ "บ้าอำนาจ" ปรารถนาที่จะเป็นใหญ่ แต่ไม่กล้าทำเอง พวกเขา "ยืมมือ" คนอื่นในลักษณะแนวร่วมมุมกลับ เพื่อจะทำลายสถาบันให้ย่อยยับโดย ตัวเองไม่มัวหมอง

ผมจึงอยากให้ "ราชนิกูล" และประดาไฮโซทั้งหลาย รีบโหลดเอาใบปลิวกู้ชาติ บทที่ ๑๓ เรื่องเอาไปอ่านเสียให้จบ แล้วจงรีบคิดแก้ไข ก่อนจะสายเกินไป.ทั้งนี้อย่าคาดหวังว่าพรรคภูมิใจไทยจะกู้ชาติได้

จึงขอให้คณะกรรมการสมานฉันท์ โปรดถามตัวเองว่า ...ฉันท์อะไรกันแน่ มิทราบ ? !

จบบทที่ ๑๓ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น