วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 17 แก้ปัญหาไทยแค่คืบ ทำไม่ได้

บทที่ ๑๗ ตอน : แก้ปัญหาไทย แค่คืบ ทำไม่ได้ ?!

ผมเขียนใบปลิวกู้ชาติมาหลายบทแล้วก็จริง แต่ผลที่หวังจะให้เกิดแก่ประเทศชาติ คงไม่ง่าย เพราะผู้อ่านไม่ใช่ผู้แก้ปัญหา แต่คนที่จะแก้ปัญหา เขาคงไม่สนใจอ่าน

อีกอย่างหนึ่ง ก็เชื่อว่าไม่มีคณะทำงานคณะใดจะหยิบยกเอาความเห็นในใบปลิวกู้ชาติเอาไปเป็นแนวคิด เมื่อเป็นเช่นนี้ ความหวังที่จะได้เห็น "การตอบรับ" จึงเลือนลางเต็มทน

ถึงจะเลือนลางเพียงไรก็จะไม่หยุดเขียนใบปลิวกู้ชาติ ผมจะเขียนให้สมกับที่ได้ชื่อว่า "ใบปลิว"เพราะคำว่า "ใบปลิว" มาจากปรากฏการณ์กระดาษแผ่นหนึ่งที่มีคน (มือบอน) เขียนด่าสังคมด้วยความเจ็บใจ แล้วโยนให้ลมมันพัดไปตามยะถากรรม กระดาษแผ่นนั้น "ปลิว" ไปตามลม ไปตกถึงมือ "ผู้ใหญ่บ้าน" คนหนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านคนนั้นหยิบเอาขึ้นมาอ่าน จึงได้รู้ว่ามันเป็นข้อความอันแหลมคม เขียนด่าสังคมที่แสนจะเน่าเละเฟะฟอน อ่านจบเกิดความประทับใจ จึงเอาไปขยายความต่อด้วยการ "ทำสำเนา" เพิ่มขึ้น แจกจ่ายแก่ประชาชน

เรื่องมันไม่จบอยู่แค่นั้น เพราะใบปลิวแผ่นนั้นระบาดไปในหมู่ประชาชน มีผู้คนอยากอ่านมากขึ้น จึงทำสำเนาต่ออีกมากมาย และเกิดอิทธิพลแก่สังคม (ในบริเวณนั้น)เป็นอย่างมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ของหลายตำบลจึงถามหาต้นตอว่าใครเป็นคนเอามา ใครเป็นคนทำ มีคนตอบขึ้นมาว่า "ผู้ใหญ่บ้าน" คนหนึ่งคว้ามาจากถนน ขณะกระดาษแผ่นนี้กำลังถูกลมพัดปลิวเหมือนเศษกระดาษ ตั้งแต่นั้น คำว่า "ใบปลิว" ได้กลายเป็นเครื่องหมายของการ ทำแถลงการณ์ ทำบัตรสนเท่ห์ ทำจดหมายลับ รวมทั้งการทำบันทึกสาธารณะ แจกจ่ายไป ตามหมู่บ้าน และกลุ่มชนที่ชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรม

ใบปลิวส่วนใหญ่ จะมีความยาวไม่เกิน ๑ แผ่น หรือว่าถ้าข้อความไม่จบเนื้อหาสาระ ก็จะพิมพ์ทั้งสองหน้า เอาไว้ในแผ่นเดียวกัน นี้คือที่มาของใบปลิว

ท่านครับ ผมทำใบปลิวกู้ชาติจิ๊บจ็อยครั้งนี้ โปรดอย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะว่าสังคมไทย ยังเป็นสังคมที่รอคอยโอกาส ถ้าหากวันใด "ใบปลิว" ของผมมันถูกกับกาละเทศะ และมี ความกระจ่างในเนื้อหาสาระอย่างแท้จริง วันนั้นแล...ใบปลิวเพียงแผ่นเดียวจะกู้ชาติได้

ผมขอ "ทดสอบ" ดูจากการนำเสนอของบทที่ ๑๗ ว่าจะช่วยกู้ชาติได้หรื้อไม ดังนี้ :

ผมขอกราบเรียนว่า ปัญหาของชาติ อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง อยู่ไกลไม่ถึงคืบ แต่แก้ไม่ได้ เกิดจากความโฉดชั่วของอำมาตย์ใหญ่ ๒ - ๓ คน ร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้ง "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย -(พธม.)" ขึ้นมาทำสงครามตัว แทน เล่นงานสังคมการเมือง และสังคมเศรษฐกิจที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี ให้เกิดอาการชงักงัน โดยหวังว่าเมื่อล้มเขาได้เมื่อใด เมื่อนั้น "เขาคนนั้น" ก็จะสูญหายไปจากระบบการเมืองไทย แต่บนความเป็นจริง มันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาคนนั้น แทนที่จะล้มและหายสาบสูญไปอย่างไม่มีวันกลับ

ผลกลับเป็นตรงกันข้าม กล่าวคือเขาคนนั้น ยังคงผงาดผาดโผน แถม มีคนเสื้อแดง นับล้านเลื่อมใสศรัทธา จนปรากฏชัดว่าไม่มีทางที่จะล้มเขาคนนั้นได้ เขาคนนั้น คือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร !

คนที่ทำหน้าที่ล้มเขา คือ พล.อ. สนธิ บุณยรัตกลิน และ คมช. ที่ทำการยึดอำนาจการปกครองจากพรรคไทยรักไทย โดยมีพรรคมะแลงสาบ และพันธมิตร คอยเป็นหัวหอกและลูกหาบไปพร้อม ๆ กันด้วย

ความจริง การล้มล้างนักการเมืองในอดีต เคยมีมาแล้วหลายหน และก็...สามารถล้มได สำเร็จและได้ผลสมปรารถนาจนนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งนี้ทั้งนั้น เกิดจาก "ข้อหา" แต่ละข้อนั้นเป็น ข้อหาปัจเจกคดี อันเป็นข้อหาเกี่ยวกับความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ของนักการเมืองคนนั้น ๆ ส่วนข้อหาที่โยนใส่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตรได้แก่ "ใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี" อันแตกต่างจากข้อหาที่เคยโยนใส่นักการเมืองในอดีตคนละเรื่องไปเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงหมายถึง การกล่าวหา "ทักษิณ" ในครั้งนี้ มันท้าทายอำนาจสถาบันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ข้อกล่าวหา แบบนี้ เข้าข่ายทราชย์ ทำให้เข้าใจได้เลยว่า ทักษิณจะเป็นประธานาธิบดี หรืออาจหมาย ถึงจะเป็น "กษัตริย์" เสียเอง

ทานผู้อ่านที่เคารพ ข้อหานี้ข้อหาเดียว ได้ทำให้ประเทศไทยสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยมี มาก่อน ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนอีกมากมาย แทบครึ่งค่อนประเทศแทนที่จะเกลียดทักษิณ กลับยิ่งเห็นอกเห็นใจ ดังจะเห็นได้จาก "เสื้อแดง -แดงเต็มแผ่นดิน" !

แดงเต็มแผ่นดินก็คงไม่แปลก แต่ที่มันแปลกก็เพราะแดงเต็มแผ่นดิน ได้ก่นด่าพวกเผด็จการ และพวกอำมาตย์ด้วยความโกรธแค้นชิงชัง ทำให้คนไทยแบ่งเป็น "สองขั้ว" และได้ แสดงความเกลียดชังให้ปรากฏด้วยการแสดงออกว่าไม่ต้อนรับนักการเมืองจากเครือข่ายทักษิณ ในขณะเดียวกัน ก็มีคนไม่ต้อนรับนักการเมืองจากเครือข่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ถามว่าปัญหาทั้งหมดเกิดมาจากใคร
ตอบได้เลยว่าเกิดมาจากพวกเผด็จการ ทหาร คมช. พันธมิตร และมะแลงสาบ !
ผลของมันคืออะไร บวกหรือลบ
คำตอบก็คือ เกิดผลเสีย คนไทยทะเลาะวิวาทกันเอง มันมีแต่ลบสถานเดียว

ดังนั้น เมื่อกล่าวเช่นนั้น เราย่อมตระหนักดีว่า "ตัวปัญหา" มันอยู่ที่ไหน มันอยู่ไม่ไกลเลยครับ มันอยู่แค่คืบ หรือแค่ปลายจมูก เมื่อมันอยู่แค่คืบ หรีอแค่ปลายจมูก ก็น่าจะแก้ได้อย่างทันอกทันใจ ไม่น่าจะมีปัญหาจน หาทางออกไม่พบ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ผมจึงได้เสนอมาหลายครั้งแล้วว่าให้นำความ บริสุทธิ์ส่งคืนให้ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร และทุกคนที่มีปัญหาเกี่ยวข้อง เสียเถิด จะได้ยุติข้อขัดแย้งทั้งปวงโดยไว

เมื่อพ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร และทุกคน ที่เกี่ยวข้องได้รับการแก้ไข ต่อไปก็จะ "หันหน้าเข้าหากัน" ช่วยกันแก้ปัญหาเผด็จการ ให้หมดจากประเทศไทย แล้วนำประชาธิปไตยที่แท้จริงมาสู่ประเทศไทยให้ได้ ประชาธิปไตยของไทยประกอบด้วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ์ จะยั่งยืนอย่างแท้จริง ภายในความปรองดองของคนในชาติ

แต่หากแม้ "คนในชาติ" ทะเลาะกันอยู่เช่นนี้ จะไม่มี วันแก้ปัญหาได้ ตรงกันข้ามมันจะลามเลียไปถึงสถาบันชาติ ดังที่เคยขึ้นในประเทศฝร่งเศส เวียดนาม เนปาลอิหร่าน เป็นต้น

ปัญหาอยู่แค่คืบ แต่ไม่ยอมรับ กลับยังคงยืนยันแบบยืนกระต่ายขาเดียวว่าทักษิณจะล้มเจ้า ดังที่พรรคมะแลงสาบแข็งขืนอยู่ในขณะนี้ ผมเลยอ่านไปอีกช็อทหนึ่งด้วยการอ่านว่า "หรือว่าพวกต้องการล้มเจ้ากำลังยืมมือคนอื่น" ให้เป็นคนพิฆาตสถาบัน ?

ใบปลิวกู้ชาติฉบับนี้ ขอฝากให้ ประดาองค์มนตรี (บางคน) และประดา"ราชนิกูล" ที่ดี๋ด๋า เสนอหน้าพิทักษ์สถาบัน ก็ขอให้พวกท่านจงออกมา "ใช้เครื่องมือและแนวทาง"ที่จะปกป้องสถาบัน ได้อย่างแท้จริง

ถ้าใบปลิวกู้ชาติฉบับนี้ไม่มีใครสนใจ วันข้างหน้า ผมจะ "กระชากหน้ากาก ?คนที่เป็นภัยต่อระบอบการปก ครอง" เรียกว่าถอนหงอก ถอนหนวด และถอนเกียรติยศ เอาให้รู้ไปทั้งประเทศว่าคนผู้นั้น มันคือใครกันแน่ ?!"

สวัสดีครับจบบทที่ ๑๗ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น