วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 11 ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน

บทที่ ๑๑ ตอน : ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ?!!

บทที่ ๑๑ ที่ผมนำเสนอต่อท่านผู้อ่านในวันนี้ โปรดอย่าคิดว่าเป็นโจ๊กสตอร์รี่ แท้ที่จริงมันเป็นเรื่องจริง ที่คนไทยทุกระดับชั้น จักต้องเอาใจใส่ และพิเคราะห์ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้ จึงจะสามารถมองเห็นปัญหาอันน่ากลัว ที่กำลังกระหน่ำประเทศไทยให้เดินเข้าใกล้บ้านป่าเมืองเถื่อนเข้าไปทุกที

คำว่า "บ้านป่าเมืองเถื่อน" เป็นประโยคของคำพูดของสังคมที่ไม่มีขื่อไม่มีแปใครมีอำนาจจะทำอะไรก็จะทำตามใจอยาก โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และความยุติธรรมทั้งหลาย ดังจะเห็นได้จากกรณีสังคมไทยกลุ่มหนึ่ง นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๓ จนได้รับผลกระทบถึงขั้น พรรคไทยรักไทยพังทะลายทั้งพรรค

นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองในค่ายของพรรคไทยรัก ไทยถูกเว้นวรรคทางการเมืองคนละ ๕ ปี รวมแล้ว ๑๑๑ คน มิใช่เพียง ๑๑๑ คนเท่านั้น ยังมีการกระหน่ำซ้ำเติมจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ ๒๕๕๐ อีก ๓๙ คน อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงกระบวนการความไม่เป็นธรรมของประเทศที่ไร้ขื่อไร้แปกำลังกำเริบเสิบสานอย่างน่าสะพึงกลัว

เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักการเมือง และพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าจะล้ม ล้างสถาบัน (พระเจ้าแผ่นดิน) จนเป็นที่รู้กระฉ่อนไปทั่วโลกว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ถูก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวหาว่าทักษิณฝักใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี นอกจากตัวของท่านนายกทักษิณ จะถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรงไปแล้ว ยังมีการ "พ่วงคนเสื้อแดง" ไม่น้อยกว่า ๑๙ ล้าน คนให้เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้กระทำอยู่ในขณะนี้

คนไทยในชาติผู้เป็นพสกนิกร ที่ไม่เคยมีหัวใจเกลียดชังสถาบันมาก่อน ไม่เคยมีการ กระทำอันชั่วร้ายใดๆเลย แต่มาถึงวันนี้ คนไทยในประเทศถูกรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์หยิบ ยื่นความเลวร้ายโยนใส่พวกเขา พวกเขาต้องตกเป็นจำเลยของสังคมสุดที่จะหลีกเลี่ยงได้ สิ่งเหล่านี้ คือเครื่องหมายของบ้านเมืองไม่มีขื่อ ไม่มีแป พวกเขาไม่พอใจใครก็ตะโกน ด่าออกมาจากปาก มิได้ใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือแทนปาก มิได้ใช้หลักนิติรัฐเป็นเครื่องมือ แก้ปัญหาแทนการระงับการทะเลาะวิวาท

พวกเราได้ตะโกนตอบโต้ว่าการกระทำทั้งหลายของพวกพันธมิตร คมช. และพรรค ประชาธิปัตย์ ไม่ได้ยึดถือความถูกต้องใด ๆ เลย ทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพไม่มีหลัก กฏหมายใด ๆ ค้ำประกันความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนประชาชนจึงตกอยู่ในสภาพภาวะจำยอม พูดไม่ได้โต้เถียงไม่สำเร็จ ประชาชนจึงหันหน้าเข้าหา "เสื้อแดง" ด้วยความคับแค้นใจ

ความคับแค้นใจของประชาชนนั้น ได้ถูกกระหน่ำซ้ำเติมให้เจ็บปวดมากขึ้น คับแค้น มากขึ้น ดังกรณี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ด่าตำรวจเสียงดังลั่น แล้วถามหา "นายทหารใหญ่" คนไหนที่ต้องการให้เขาลาออก ต่อมานายกษิต ภิรมย์ ได้โวยวายด่ากราดตำรวจ ด้วยการกล่าวหาตำรวจว่า ตั้งข้อหา "ผู้ก่อการร้าย" รุนแรงเกิน ไป โดยอธิบายว่า แค่ยึดสนามบิน ทำไมจะต้องมีโทษถึงขั้นเป็นการก่อการร้ายด้วยเล่า ?

เห็นไหมครับ..นี้ไงคือเครื่องหมายของประเทศไทยที่ผมกล่าวว่าไม่มีขื่อมีแป มันกำลัง จะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเข้าไปทุกที

ถามว่าอะไรคือเครื่องหมายของบ้านป่าเมืองเถื่อน ? คำตอบก็คือ

(๑) การที่พวกเสื้อเหลือง และพรรคมะแลงสาบ เล่นงานคนอื่นโดยมิพักผ่อน เรียกว่าเล่นงานชนิดกะเอาให้ ตายทั้งเป็น อันนี้ก็นับว่ามันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนขนานแท้และดั้งเดิมอยู่แล้ว
(๒) เท่านั้นยังไม่พอ ครั้นมาถึงวันนี้ ตำรวจไทยซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้รักษากฏหมายได้ใช้หลักการในกฏหมายตั้งข้อแก่พวกที่ยกกระบวนไปยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินอันเป็นการตั้งข้อหาตามตัวบทกฏหมาย มิใช่ตั้งข้อกล่าวหาโดยลำพังความรู้สึกของตนแต่ประการใด

ผลปรากฏว่า ทั้งนายกษิต ภิรมย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ฟาดงวงฟาดงา กล่าวหา ตำราวจ และกล่าวหานายภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าตั้งข้อหาพวกเขารุนแรงเกิน ไป หลังจากนั้นก็ได้เปิดฉากวิพากย์วิจารณ์ (ด่ากราด)ผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV แถมด่าผ่านสื่อกระแสกหลักอีกด้วย

เมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นให้เห็นเช่นนี้ จึงตรงกับชื่อของบทที่ ๑๑ ที่ผมได้ตั้งชื่อว่า "ประเทศ ไทยกำลังจะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน" ทั้งนี้เนื่องจากความป่าเถื่อนได้ทำร้ายคนอื่นโดยมิได้ใช้ตัวบทกฏหมาย ครั้นถึงคราวตัวเองถูกตำรวจใช้กฏหมายเล่นงานก็ออกมาโวยวาย กล่าวหาตำรวจว่าทำรุนแรงเกินไป

ผมจึงขอกล่าวหา บุคคลกลุ่มนี้ อันประกอบด้วยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม. กับพรรคมะแลงสาบและ คมช. ได้ขยำประเทศไทยให้กลายเป็นเผด็จการสุดเหยียด และนับวันแต่จะตกเป็นเหยื่อของสังคมไร้ขื่อไร้แปมากขึ้น

การที่ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ คนพวกแรก (พวกเผด็จการ) อาจจะพากันยิ้มย่องที่สามารถ "บงการ" ประเทศไทยได้ แต่ในมุมตรงกันข้ามชาวโลกเขาจ้องมองดูอยู่อย่างใกล้ชิด เขาย่อมจะเห็นอาการ "ผิดปกติ" อย่างชัดแจ้ง โดยหยิบเอาประเด็น พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ถูกเล่นงานเอามาเป็นตัวคลี่ดูปัญหาที่ซ่อนอยู่ในกระดอง หลังจากนั้นก็ได้พบต่อไปอีกจากการกระทำของพวกเขาเอง (กษิต ภิรมย์) ออกปากโหวกเหวกด้วยการด่ากราดตำรวจและกล่าวหาคนที่แจ้งข้อหาเขา หาว่ามีเจตนาร้าย จะเล่นงานเขาให้ได้รับความเสียหาย

ลักษณะของ "ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อน" กำลังมุ่งหน้าเข้าหาศัตรูทางการเมืองด้วยอาการของความโหดเหี้ยม ดวงตาแดงกร่ำเต็มไปด้วยความโกรธ เหลืออยู่แต่ว่ายังไม่กระชากปืนออกมาไล่ยิง ถ้าเข้าไล่ยิง ไล่ฆ่า ขึ้นมาเมื่อใด เมื่อนั้นแหละ บ้านป่าเมืองเถื่อน จะกางหราออกมา แล้ววางลงบนตักของพวกเผด็จการ ที่ใช้ความเหี้ยมเกรียมขย่มคนอื่น โดยอ้างว่าทำเพื่อความมั่นคงท่านครับ...ผมเขียนออกมาเช่นนี้ด้วยถ้อยคำที่พออ่านเข้าใจได้ แต่ผมเชื่อว่าพวกเผด็จการจะไม่มีวันรับรู้

ทั้งนี้เนื่องจากหัวใจของพวกเขา ถือว่าตัวเองทำถูกทุกอย่าง ส่วนคนอื่นทำแต่สิ่งที่ผิด เมื่อมันเป็นเช่นนี้ ความเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนยิ่งจะถูกโหมให้ร้อนเหมือนไฟ ลามป่า รอแต่จะลุกไหม้สังคมไทยของพวกเรากันเอง ?!!

จบบทที่ ๑๑ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น