วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 40 ใครอ้างตัวเป็น พ.ท.เขมพัฑฒ์ รถทอง หน.ยก.ทบ.

บทที่ ๔๐ ตอน: ใครอ้างตัวเป็น พ.ท. เขมพัฑฒ์ รถทอง หน. ยก. ทบ.
กรมยุทธการทหารบก

สำเนาถึง
(๑) ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

(๒) ผู้อำนวยการสำนักนายกรัฐมนตรี
(๓) ผู้อำนวยการ กอ. รมน.
(๔) อำมาตย์ใหญ่ และประดา ครม. รัฐบาลอภิสิทธิ์
(๕) อธิการบดีและคณาจารย์ทั้งหลาย
(๖) พันธมิตร และ “สันติอโศก” ?!!

ท่านผู้อ่านที่ได้อ่านใบปลิวกู้ชาติผ่านไปแล้วถึง ๓๙ บท นับว่าท่าน ได้สละเวลาเข้ามาร่วมคิดร่วมเสวนาปัญหาบ้านเมืองกับผม ๒ คน (ผึ้งกับสอาด) ด้วยการเกาะติดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมมีใจที่จะทำงานต่อไปเรื่อยๆจนกว่า จะถึงเวลาอันเหมาะ ซึ่งไม่ทราบว่าเมื่อไหร่

วันนี้ ผมส่งใบปลิวกู้ชาติ บทที่ ๔๐ มาให้ขอรับ แต่ใบปลิวกู้ชาติฉบับนี้พิสดารกว่าทุกฉบับ เนื่องจากมี “คนอ้าง ตัวเองเป็นพันโท” เขียนเมล์ส่งให้คุณผึ้ง แล้วคุณผึ้งก็ส่งต่อให้ผม ผมได้อ่าน ตั้งแต่ต้นจนจบ จับใจความได้ว่าความเห็นแบบนี้เป็นอันตราย ต่อประเทศ อย่างร้ายแรง เพราะอาจถูกขยายผลไปสู่ความแตกแยกอันจะก่อให้เกิด สงครามกลางเมืองระหว่างคนไทยต่อคนไทยด้วยกัน ผมจึงถือโอกาส วิจารณ์ พร้อมกับได้ “คัด” เมล์ทั้งฉบับเอามาแสดงเอาไว้ พร้อมกันนี้ ผมใคร่ขอมอบใบปลิวกู้ชาติบทนี้ให้แก่ (วงเล็บทั้ง ๖ แห่ง) ขอให้โหลดเอาไปพิเคราะห์ ศึกษาข้อเท็จจริง แล้วใช้คณะทำงานให้ช่วยกัน ถอดรหัสดูว่า “ใครกันแน่” คือตัวการก่อปัญหาให้เกิดขึ้นกับประเทศ ของเรา ?!

เพื่อความเข้าใจง่าย ผมได้คัดเมล์ของคนที่อ้างตัวเป็น พ.ท. เขมพัฒน์ รถทอง มอบให้แก่ท่านทั้งหลาย ดังต่อไปนี้ :


พ.ท. เขพัฒน์ รถทอง หน. ยก. บท. กรมยุทธการทหารบก
โปรดรู้ทันผู้คิดร้ายต่อพระเจ้าอยู่หัวของเรา

ทินกร เกษมสรร


ท่านคงไม่ทราบดอกว่าทำไมคนเสื้อแดงจึงรวบรวมรายชื่อเพื่อการ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแก่อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านคงคิดว่า พวกเขาต้องการเพียงให้ทักษิณกลับมามีอำนาจ เพื่อจะได้ผู้นำที่มี ความคิดริเริ่มสูง

แท้ที่จริงแล้ว นั่นมันเป็นเป้าหมายรอง เป้าหมายหลักคือ ยุยงให้เกลียดชังในหลวงของเรา อย่างแยบยลที่สุด ยากที่ใครจะรู้ทัน ข่าวลึกจากคนสนิททักษิณ (ซึ่งกำลังลำบากใจ) ยอมกลับใจเปิดเผยว่า

๑. ประชาชนยังรักทักษิณเป็นสิบล้านคน ไม่ใช่จิ๊บจ๊อยอย่างที่ คนเมืองหลวงประมาณการ เขาเลื่อมใสทักษิณในการริเริ่มแก้ปัญหาให้คนจน เช่น ๓๐ บาทรักษาทุกโรค, หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์, กองทุนหมู่บ้าน ๑ ล้าน เป็นต้น ถ้าเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์เทียบกันไม่ติดเลย ไม่มีความ ริเริ่มเพื่อคนจนอย่างเป็นรูปธรรม

๒. เมื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแก่ทักษิณ ผู้รักทักษิณ ต้องการให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพราะเขารักของเขา

๓. ขณะนี้มีการปลุกระดม ทำให้ประชาชนที่รักทักษิณจำนวนมาก พูดกันต่อ ๆ ไปอย่างกว้างขวาง “จะดูใจในหลวง” แปลว่าเกิดสงครามจิตวิทยา ขึ้นแล้ว ให้มีการชั่งน้ำหนักขึ้นว่าจะเทิดทูนใครดี ซึ่งความคิดเช่นนี้เป็นการ ประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างแยบคายที่สุด

๔. หากผลออกมาถูกใจเสื้อแดงทักษิณก็ได้ คือได้กลับมามีอำนาจ หากผลออกมาตรงข้ามทักษิณก็ได้ ได้ทำลายสถาบันเบื้องสูงแยบคายเป็นที่สุด เป็นการให้ผลทางจิตวิทยา สถาบันเบื้องสูงจะถูกดึงลงมาเทียบกับทักษิณ ให้ประชาชนเลือกข้างอยู่เงียบๆในใจ ซึ่งในทางจิตวิทยาถือเป็นภัยร้ายแรงต่อสถาบันกษัตริย์

๕ . ขอท่านทั้งหลายจงทันเกมทักษิณ ท่านจำได้ไหม นักการเมือง อื่น ๆ อาจซื้อเสียง ซึ่งเสี่ยงสารพัด แต่ทักษิณซื้อพรรคเสียเลย ใครจะ ฉลาดกว่ากัน (ถึงบทนี้มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษที่ตกหล่น เขียนเอาไว้ว่า &Nbsp;ไม่ทราบว่าแปลว่าอย่างไร) เราอ่านทักษิณอย่างเท่าทันที่ได้ยินได้ฟัง คิดให้ลึก ๆแล้วจะรู้เท่าทันทักษิณ

๖. ต้องกราบขอโทษบรรดาเสื้อแดงทั้งหลาย หากท่านคิดจะดึง ทักษิณขึ้นมาให้ประชาชนเลือกข้างระหว่างผู้มีพระคุณสูงสุดต่อชาติเรา กับทักษิณ เรากับท่านคงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ หากท่านไม่ทราบกล ของทักษิณและบริวาร ที่กำลังรับจ๊อบทำงานเพื่อทักษิณ ขอจงโปรดทราบ ทราบแล้ว ท่านจงถอนตัว หรือรับใช้เขาอยู่ก็ตามใจเถิด แต่เราถือว่าท่าน กำลังประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราและของท่านเอง

(จบข้อความ)

ต่อไปนี้เป็นการ “วิสัชนา” ข้อความของผู้ที่อ้างตัวเป็น “พันโท” จะเป็นจริงหรือไม่จริงไม่แปลก แต่ที่แปลกก็คือ พ.ท. เขมพัฑฒ์ รถทอง ทำไม จึงลืม “ความหลัง” อันเป็นมูลเหตุของปัญหา ทั้งๆที่ไม่น่าจะลืม ผมจึงของทบทวน ดังนี้

หนึ่ง : ขอถามหน่อยว่ายังจำได้ไหมว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ เป็นต้นมา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร สามารถทำให้ประเทศไทยทั้งประเทศก้าวพ้นจาก ปัญหาวิกฤติ นำชาติไปสู่ความมีหน้ามีตาในระบอบประชาธิปไตย อันมีกษัตริย์ทรงเป็นองค์ประมุข ไม่เคยมีข่าวระแคะระคายแม้แต่ครั้งเดียวว่าทักษิณได้กระทำตัว “ใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี” ไม่เคยมีอาการ กระด้างกระเดื่องต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ว่ากรณีใด ๆ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบการปกครองที่มีพระเจ้าแผ่นดิน เป็นประมุขสูงสุดของประเทศ อันชาวโลกรับรองอยู่แล้ว

กล่าวให้ชัด ตัวของทักษิณไม่เคยขัดแย้งกับสถาบันไม่ว่ากรณีใด ๆตัวทักษิณ ได้บริหารประเทศจากการเลือกตั้งตามระบอบ ประชาธิปไตย เมื่อทักษิณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทุ่มเทแก้ปัญหาของชาติ กำลังแก้ปัญหา ความยากจนอย่างเร่งรีบที่สุด และได้ผลเกินคาด สุดจะพรรณนา

สอง : ขอทบทวนความจำว่า ขณะ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๓ กำลังสร้างงานให้แก่มหาชน ทำงานอย่างไม่เห็น แก่เหน็ดแก่เหนื่อย แต่ได้ถูกพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย และสันติอโศกเล่นงานอย่างสาดเสียเทเสีย

ต่อมา ก็ได้ถูกทหาร(พวกของ พ.ท.เขมพัฑฒ์ รถทอง นี่แหละ)ยึดอำนาจ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๒ ซ้ำเข้าไปอีก ทหาร(พวกของ พ.ท.เขมพัฑฒ์ รถทอง นี่แหละ)ฉีก รัฐธรรมนูญทิ้ง ไปเอานายกรัฐมนตรีนอกระบบมาปกครองประเทศ อ้างว่าเป็นการแก้ปัญหาแล้วพากันสร้างรัฐธรรมนูญเผด็จการเอาขึ้น มาเป็นเครื่องมือให้แก่พวกของตัวเอง มาจนถึงวันนี้

สาม : ต่อมา พวกท่านคงทราบกันดีว่า หลังจากพรรคไทยรักไทย ถูกยุบ ตัวทักษิณหมดอำนาจทางการเมืองพร้อมกันกับพวกบ้านเลขที่ ๑๑๑ พวกไทยรักไทยเก่าพากันตั้ง “พรรคพลังประชาชน” ต่อมาชนะการเลือกตั้ง ได้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี

ในสถานการณ์ตรงนี้ คนของฝ่ายทักษิณ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า การทำลายจะยังมีอยู่ ทุกคนคิดแต่ว่าเมื่อ ๑๑๑ คนสิ้นสภาพไปแล้ว คนใหม่ เข้ามาทำงานก็น่าจะได้ทำงานตามที่ประชาชนยังศรัทธาเลื่อมใส แต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม พวกเดิมยังคงตามราวีอย่างร้ายกาจและ รุนแรงกว่า สุดจะอธิบายได้

รู้ความจริงว่า พวกเขายึดถนนสะพานมัฆวาน ใช้กองกำลังจัดตั้ง เอาไปบุกสถานีโทรทัศน์ NBT แล้วยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินดอนเมือง บุกถล่มยิงวิทยุชุมชนคนแท๊กซี่ ที่ปากซอย ๓ถนนวิภาวดี ยึดสนามบินสุวรรณ ภูมิ ใช้อาวุธ (ระเบิดปิงปอง) ต่อสู้กับตำรวจ แล้วกล่าวหาตำรวจว่าเข่นฆ่า ประชาชน การกระทำของพวกเขาได้ทำลายเศรษฐกิจของประเทศย่อยยับ และ “ยับเยิน” น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

ความวุ่นวายน่าจะจบลง เมื่อทักษิณหมดอำนาจ แต่มันไม่จบ มันวุ่นวายต่อ ดังที่ทุกคนทราบ ผมขอเรียนว่า“ ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างจบลงที่การเลือกตั้งใหม่”ปล่อยให้ การเมืองเดินไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ให้นายสมัคร สุนทรเวช ได้ใช้ฝีมือ บริหารประเทศด้วยความสงบและราบรื่นผมก็เชื่อว่า “เสื้อแดง” จะไม่แดง เต็มแผ่นดินอย่างแน่นอน และจะไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆในประเทศไทย เลย แต่ความขัดแย้งมันกำเริบขึ้นมา เกิดจากสันดานชั่วของพวกเผด็จการ ที่จองเวรไม่เลิก ทำให้คนเสื้อแดงฮึดสู้ เมื่อเขาฮึดสู้ ความร้อนแรงจึงระเบิด ขึ้นมา (ยังไงล่ะ) ?!

สี่ : ผมขอทบทวนความจริงให้ปรากฏต่อไปว่า ได้มีการวางแผน ที่จะสกัดกั้นอย่างเป็นระบบ มุ่งหน้าที่จะไล่ล่าเอาทักษิณมาทำลายให้ได้ (เหมือน ที่ พ.ท.เขมพัฑฒ์ รถทอง หน.ยก.ทบ. ได้พากเพียรกระทำอยู่ในขณะนี้)โดยอ้างว่าทักษิณเป็นนักโทษ พวกท่านต้องถามเอากับตนเองว่าทักษิณ เป็นนักโทษจากมาตรฐานกฎหมายเผด็จการที่พวกท่านสร้างขึ้นใช่หรือ ไม่ พวกท่านตั้งใจสกัดทุกรูปแบบใช่หรือไม่ ?

ห้า : จากข้อเท็จจริงทั้งหมด ได้ทำให้คนไทยที่รักความเป็นธรรม ทนดูต่อไม่ได้ พวกเขาลุกพรวดออกมาจากที่นอน แบกสังขารออกมา ร่วมต่อสู้ เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ประเทศแต่ไม่มีใครคนไหน ให้ความสนใจเลย ตรงข้ามกลับพากัน “ขย่มร้ายแรง” ยิ่งขึ้น (เหมือน ที่ พ.ท.เขมพัฑฒ์ รถทอง หน.ยก.ทบ. ได้พากเพียรกระทำอยู่ในขณะนี้)

หก : ข้อความดังต่อไปนี้ ท่านยังจำได้ไหม
(๑) พันธมิตรประกาศในทำเนียบรัฐบาลว่ามีแต่คนเสื้อเหลืองที่รักเจ้า ส่วนพวกเสื้อแดงไม่มีความจงรักภักดี
(๒) นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรี อภิปรายในรัฐสภาว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี เมื่อพ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร แต่งตั้งทนายฟ้องคดีหมิ่นประหมาทนายสุเทพ ศาลไม่รับฟ้องโดย วินิจฉัยว่า นายสุเทพกล่าวออกไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(๓) องคมนตรีท่านหนึ่ง ได้กล่าวหา พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เช่นเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้กล่าวหา

เจ็ด : ต่อจากนั้น ฝ่ายรัฐบาลได้กล่าวคนเสื้อแดงว่าเป็น คอมมิวนิสต์ ?!!

แปด : ผมอยากสอบถามความเข้าใจฝ่ายบ้านเมืองว่า ตัวเองได้ อำนาจมาโดยมิชอบ ใช้วิธีการ “หักดิบ” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีงูเห่า ภาค ๒ แล้วเอาแต่ขึ้นภาษี กู้เงิน ๘ แสนล้าน แถมไปขอกู้เงินจากผู้สูงอายุ ในระบบการออกพันธบัตร เอาเงิน ๒,๐๐๐ บาท ไปจ่ายส่งเดช หวังจะโกย คะแนนนิยม ให้เงินเลี้ยงชีพแก่ผู้ชราเดือนละ ๕๐๐ บาท มีคนส่วนน้อยได้ ส่วนใหญ่ไม่ได้

รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและไม่สามารถแก้ไขปัญหา ความขัดแย้ง ไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ยอมรับฟังเหตุผลการขอถวายฎีกา นอกจากไม่รับฟัง ยังได้ออกมา “ต่อต้าน” อย่างเปิดเผยอีกด้วย

เก้า : คนเสื้อแดงเขาต้องการให้รัฐบาลลงโทษคนที่ระเมิดกฎหมาย ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ต้องการ ทำลายระบบอำมาตย์ที่เอาแต่ตักตวงความสุขส่วนตน มิได้มีความสงสาร คนยากคนจนเลย คนเสื้อแดงหมดที่พึ่งด้วยประการทั้งปวงจึง “บากหน้า” ไปขอพึ่งองค์พ่ออันเป็นที่พึ่งสูงสุดของประเทศ

สิบ : แม้กระทั่งได้ส่งหนังสือถวายฎีกาแก่สำนักราชเลขาแล้ว เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคมพ.ศ. ๒๕๕๒ สองวันต่อมา นายกสภาทนายความ (นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์) ได้แนะนำรัฐบาลให้รีบล้มฎีกา อ้างว่าคนเสื้อแดง กระทำไม่สุจริต

บทสรุป : ผมขอสรุปว่า สิ่งที่ พ.ท. เขมพัฑฒ์ รถทอง เขียนมา ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องตอบโต้อะไรเลย เพราะว่าเรื่องเลวร้าย ที่เกิดกับประเทศไทยนั้น เกิดจาก “คนชั่ว” กุเรื่องขึ้นมาเล่นงานทักษิณ แล้วก็เล่นแรงมาจนถึงวันนี้ จนกลายเป็นเรื่องเลวร้าย กระทบกระเทือนถึง องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

คนเสื้อแดงขอถามว่า ถ้าพวกคุณไม่กลั่นแกล้ง ไม่รังแกคนในชาติ เดียวกัน จะมีคนเสื้อแดงเกิดขึ้นมาได้ไหม และขอถามต่อไปว่า แนวทาง แก้ปัญหามีอยู่และง่ายอย่างยิ่ง ทำไมไม่ทำ นั้นก็คือให้พากันสลัดความชั่ว ออกจากจิต ยอมที่จะข่มใจอิจฉาของตัวเอง ยอมรับความเก่งของคนอื่น แล้วปล่อยให้วิถีทางประชาธิปไตยบริหารระบอบด้วยความเป็นธรรม แล้วตัดสินใจออกกฎหมายพิเศษขึ้นมาโดยด่วน เรียกว่า “กฎหมาย ปรองดองแห่งชาติ ฉบับ พ.ศ. ........” !

ก็จะสามารถแก้ปัญหาของชาติได้เป็นอย่างดี ผมขอสรุปต่อให้ฟังว่า “แนวทางของกฎหมายปรองดองแห่งชาติ” ประกอบด้วยการใช้กฎหมายเพื่อการทำลายความขัดแย้งให้หมดสิ้นไป ใช้กฎหมายปรองดองเป็นรากฐานการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แล้วทำลายระบอบเผด็จการอย่าให้ทรงอิทธิพลข่มขู่คุกคามประชาชนได้อีก ต่อไป

ต้องทำลายหลักการในมาตรา ๒๓ ถึงมาตรา ๒๕ ของรัฐธรรมนูญฉบับ ปัจจุบัน (๒๕๕๐) ที่เขียนเอาไว้ (ย่อความ) “ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลง” ซึ่งถือเป็นต้นตอของการหมกเม็ดที่จะทำลายราชวงศ์จักรี ของพวกอำมาตย์ ใจชั่ว ที่นักวิชาการ และนักเขียนรัฐธรรมนูญ (๕๐) ร่วมกันสร้างขึ้นมา เพื่อจะสนับสนุนบารมีให้แก่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะประธาน องคมนตรี

ในกฎหมายปรองดองแห่งชาติจะต้องกำหนดแนวทางของรัฐธรรมนูญ ใหม่ว่า “หากพระเจ้าแผ่นดินของพระราชอาณาจักรไทยในรัชกาลนั้นสิ้นสุดลง ณ เวลาใด ให้รัฐสภากราบบังคมทูลอัญเชิญองค์รัชทายาทขึ้นทรงราชย์ สืบสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ต่อในวันเดียวกันแล้วประกาศให้ พสกนิกรทั้งปวงได้รับทราบทั้งในและต่างประเทศในทันที”

ท่านผู้อ่านครับ ผมได้แสดงความคิดเห็นมาทั้งหมด ถือเป็นการ “วิสัชชา” อันเป็นการอธิบายความให้แก่ พ.ท. เขมพัฑฒ์ รถทอง ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริง และถือโอกาส สำเนาถึงหน่วยงานและองค์กร อีก ๖ วงเล็บดังกล่าว

ก่อนจบ ผมขอสรุปว่า คนที่วางแผนจะล้มเจ้าตัวจริงนั้น น่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์กับพวกพวกอำมาตย์บางคนมากกว่า ซึ่งผมจะได้เขียนมา ให้อ่าน หรือเขียนแบบกระชากหน้ากากให้รู้กันเสียทีว่า ทักษิณ หรือ ใครกันแน่ ที่ได้กระทำ “ทำลายสถาบันเบื้องสูงอย่างแยบคายที่สุด” ?!
ถ้าหน่วยเหนือและผู้จงรักภักดีมีจริง คงจะไม่เพิกเฉยต่อใบปลิวกู้ชาติบทที่ ๔๐ นี้.

จบบทที่ ๔๐ / สอาด จันทร์ดี

1 ความคิดเห็น:

  1. อาจารย์ผมเอง ตอนเรียนพระนคร จำได้ดี อย่ามั่ว

    ตอบลบ