วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 32 หนังสือเตือนภัยพิบัติชาติ ฉบับที่ 1

บทที่ ๓๒ หนังสือเตือน : ภัยพิบัติชาติ ฉบับที่ ๑ ?!

กราบเรียนท่านผู้อ่าน “ใบปลิวกู้ชาติ” ทุกท่าน ที่ได้อ่าน ข้อเขียนของผมผ่านไปแล้วหลายบท และกำลังอ่านมาถึงบทที่ ๓๒ ที่อยู่ในสายตาของท่านในขณะนี้ ผมขอกราบเรียนว่า ผมได้ กลั่นกรองวิชาความรู้เอามาเขียน มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเผยแพร่ ให้แก่ชนชั้นสูงทุกท่านอยากให้ท่านให้มีดวงตาเห็นธรรม

โดยเฉพาะคือสามารถมองเห็นมูลเหตุที่ทำให้ “ประชาธิปไตยมีปัญหา” เพื่อว่า เมื่อทราบมูลเหตุแล้ว ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้

มูลเหตุทั้งหลายเกิดจากคนมันชั่ว
(๑) นายทุนชั่ว
(๒) ขุนศึกชั่ว
(๓) ศักดินาชั่ว

ผมยึดมูลเหตุทั้ง ๓ เอามาเป็นเรือนร่างของทำ “วิภาคภาคี”รวมทั้งวิพากย์ไปสู่การวิภาคและกลับกันในรูป “วิภาควิธีไปสู่การ วิพากย์นิยม” เพื่อจะกรองแนวคิดให้เป็นประชาธิปไตยของคนไทย ทั้งชาติ มิใช่เชิดชูชนกลุ่มน้อยหรือยกย่องปัจเจกเผด็จการอีกต่อไป

ผมจึงพยายามสร้างงานภายใต้โครงการ “ใบปลิวกู้ชาติ” ผ่าน “ลุงผึ้ง@เสรีชน” แล้วนำออกเผยแพร่สู่นักคิด นักปฏิวัติ นักการเมือง และท่านผู้อ่านทั้งหลายที่เป็นคนไทย ทั้งในประเทศไทย และตระเวนอยู่ในดินแดนของประเทศอื่นทั่วโลก

ผมยอมเหน็ดเหนื่อย ทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทน เสียเวลา ทำมาหากินถึงร้อยละ ๖๐ ด้วยการ เอาตัวเข้ามานั่งอยู่หน้าจอ เปิดสมองใจ สมองความคิด ส่งออกความปรารถนาดี หวังจะให้ถึง บุคคลต่างๆในสังคมชั้นสูง รวมไปถึงได้เข้าถึง “คนที่รักชาติ” แบบวันต่อวัน จะได้ช่วยกันรับรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย อันเป็นที่รักยิ่งของเรา

ผมขอเรียนว่าอย่าปล่อยให้ตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอม สลัดแอกเผด็จการออกจากหัวใจ ถ้าพากันเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่อาจก้าวพ้น ไปจากบ่วงที่มัดเราตรึงเอาไว้กับแท่งศิลา

เราต้องพัฒนาจิตใจของเรา อย่าเอาเยี่ยงอย่างพวกเผด็จการ

ชนชั้นผู้ปกครองพวกนั้นไม่ยอมเสียสละแม้แต่น้อย ก็ย่อม จะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดภัยพิบัติแก่ประเทศชาติบ้านเมือง สุดที่จะ

หลีกเลี่ยงได้ ? และคำว่า “สุดที่จะหลีกเลี่ยงได้” มันหมายถึงไม่มีทาง เลี่ยง เนื่องจากประชาชน “คนเสื้อแดง” เขาสู้เพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อ ความยุติธรรม และสู้กับอำนาจ “เผด็จการ” ที่พวกชนชั้นผู้ปกครอง หลงเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก

เมื่อเข้าใจผิดอยู่เช่นนี้ ย่อมไม่มีหนทางไหนที่จะเลี่ยงการ เผชิญหน้ากันได้

เมื่อคนไทย “เผชิญหน้ากัน” ภายใต้ความเข้าใจผิด มันหมายถึง การเป็น “อริ” ของกันและกัน หากยังขืนปล่อยให้ความเป็นอริ [Enemy] กุมสภาพจิตใจของประชาชนอยู่ต่อไป ย่อมจะไม่พ้น การปะทะ เมื่อปะทะกัน ก็ยิ่งจะเพิ่มความเก็บกด และจะขยาย ไปสู่สงครามคนในชาติเดียวกัน และสุดท้ายมันจะกลายเป็น ซีวิล วอร์ [Civil War] แปลว่า “สงครามกลางเมือง” !

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเริ่มต้นเขียนหนังสือเตือน : ภัยพิบัติชาติ ฉบับที่ ๑ ส่งมายังท่านที่เกี่ยวข้องในกรณีการรับหรือไม่รับการถวายฎีกา ของคนเสื้อแดง ซึ่งหมายถึง “อำมาตย์” และรัฐบาลผู้ปกครองประเทศ อยู่ในขณะนี้

ถ้าพวกอำมาตย์ “ไม่ยอมรับ” ไม่มีทีท่าว่าจะปรองดองกันได้ ซึ่งผมได้กล่าวเอาไว้ในใบปลิวกู้ชาติ บทที่ ๓๑ ว่าคนไทยก็จะเริ่มนับ ถอยหลัง หรือนับเคาน์ทดาวน์ [Countdown] ว่าจะออกหัว ออกก้อยไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง จะทำให้เราได้รู้ทิศทางที่มันจะเป็นไป ภายใน ๔ – ๕ วันข้างหน้านี้ แล้วผมก็ได้บอกเอาไว้อีกว่า “จึงขอให้ทุก คนมีสติเฝ้าระวังเหตุร้าย” ?!

คำว่านับถอยหลัง เป็นคำอันตราย เพราะมันหมายถึงคนไทย เริ่มนับถอยหลังตั้งแต่วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ว่าอีกไม่ช้าไม่นาน คนในชาติจะมีเหตุร้ายถึงขั้นเข่นฆ่ากันเอง ซึ่งเป็นเรื่องอันไม่พึง ปรารถนา

เหตุร้ายอาจจะเกิดภายในปี ๒๕๕๒ นี้ หรือว่าจะไปร้ายแรงเอาในปี ๒๕๕๓ ซึ่งผมคาดเดาว่าไม่เกิน ๑๔ – ๑๕ เดือนข้างหน้า ?!!

หากบ้านเมืองหนีไม่พ้นภัยพิบัติในระยะที่ผมคาดเดา ภาพของ ประเทศไทยในอีก ๑ หรือ ๒ ปีข้างหน้า ย่อมจะเป็นขาลงอย่างร้ายแรง ที่สุด เพราะมันจะเป็นขาลงที่มี “เผด็จการ” เป็นต้น เหตุของตัวปัญหา (นายทุน-ขุนศึก – ศักดินา ) ดังที่ผมได้ขึ้นต้นเอาไว้

มีคำถามว่าเหตุไรจึงเน้นนักเน้นหนา กล่าวหา “นายทุน ขุนศึก ศักดินา” หากเน้นอย่างนี้จะไม่เป็นการ “ยอมรับทฤษฎีชี้นำที่ฝ่าย คอมมิวนิสต์ทำขึ้นดอกหรือ” ?

คำตอบก็คือ คอมมิวนิสต์เขาเสนอมูลเหตุทั้ง ๓ ประการนี้ บนฐานข้อมูลที่เป็นความจริง อันหมายถึง พคท. มิได้อ่านโจทก์ผิด คอมมิวนิสต์ชี้ปัญหา (อาการโรคของประเทศ) ได้ถูกต้อง

แต่ที่ พคท. ยุติการสู้รบภายใต้ตำสั่งที่ ๖๖/๒๕๒๓ จึงทำให้ดู ประหนึ่งว่า คอมมิวนิสต์ผิดพลาด จึงรบไม่ชนะ แท้ที่จริง คอมมิวนิสต์ มิได้พ่ายแพ้ หากแต่พวกเขาได้เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยต่างหาก แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เพราะฝ่ายทหารครอบงำ ทุกสิ่งทุกอย่าง

ทำให้ฝ่ายทหาร (ย่ามใจ) ไม่มีใครมองเห็นตัวปัญหาว่ามันยังอยู่ ตรงกันข้าม ทหารกลับเป็นผู้ประคับประคองให้นายทุน ขุนศึก ศักดินา (ศักดินามิได้หมายถึงองค์พระประมุข) มีโอกาสใช้อำนาจเผด็จการ หนักข้อยิ่งขึ้น การบริหารราชการแผ่นดินจึงล้มเหลว

เมื่อการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว บวกกับการวางแผน ทำลายคนอื่นด้วยความอคติ(ไม่เป็นธรรม) โดยตัวของคนที่ถูกทำลาย มิได้ทำความผิดใด ๆ เลย

ยิ่งคนผู้นั้นได้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือให้เห็นว่า เขาเป็นคนเก่ง มีความสามารถสูง (พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร) มันได้ทำให้ประชาชน ที่ไม่เคยรวมตัวประท้วงเพื่อจะช่วยเหลือนักการเมืองมาก่อน ก็ได้เกิด ปรากฏการณ์ให้เห็นกับตาว่า ได้มีมวลมหาประชาชน แห่ออกมาเรียกร้อง เรือนหมื่นเรือนแสน

และสุดท้ายพวกเผด็จการได้ใช้อาวุธร้ายแรงปราบปรามประชาชน ด้วยความป่าเถื่อนอย่างไม่น่าเชื่อว่าเผด็จการจะกล้ากระทำกับคน ในชาติเดียวกันได้ลงคอ ...แต่พวกเขาก็ทำทารุณ ปรากฏเป็นภาพ ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก !

เหตุการณ์ สงกรานต์เลือด ๑๐ – ๑๓ เมษายน ๒๕๕๒ !

ดังที่อธิบายมา เป็นการตอบโจทก์ว่า เหตุไรจึงถือว่า ทฤษฎีชี้นำ ของ พคท. เป็นตัวปัญหาของชาติ แล้วยังคงถือว่าทฤษฎีชี้นำนี้ถูกต้อง

ใช่...เหตุที่ถือว่า พคท. ใช้ทฤษฎีชี้นำเช่นนี้ถูกต้อง ก็เพราะฝ่าย เผด็จการมิได้จัดการแก้ไขปัญหาของชาติเลย ตรงกันข้าม ฝ่ายเผด็จการ กลับทำตัวเป็นผู้อุปการะให้อำนาจเถื่อนยังคงยึดครองความมีอิทธิพล ไปทุกหย่อมหญ้า เกิดความไม่เป็นธรรมตั้งแต่ระดับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ขึ้นไปถึงสภานิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ?!

เมื่อมันเป็นเช่นนี้ สภาพของความร่มเย็นก็มีอันเดินทางถึง จุดเปลี่ยน เปลี่ยนจากความร่มรื่น เป็นความขัดแย้ง เพิ่มจากความขัดแย้ง เป็นความสับสนวุ่นวาย และท้ายสุดมันได้เกิดการต่อสู้กันขึ้น

ขอกล่าวอีกว่า วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ณ ท้องสนามหลวง ! เป็นวันประวัติศาสตร์ แล้วจะกลายเป็นวันของการร้อยถัก “จิ๊กซอว์” ให้เหตุการณ์มันร้อยเป็นพวงเดียวกัน อันจะถูกจัดตั้งอย่างเป็นกระบวน

ต่างฝ่ายต่างจัดตั้ง ! พวกเสื้อเหลืองประกาศรวมผลอย่างขมีขมัน พวกเผด็จการ (ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และรัฐบาล ปชป.) เร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อจะจัดกระบวนทัพเอาออกมาต่อต้าน คนเสื้อแดง โดยลืมไปว่า คนเสื้อแดงเขาไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับคน ในชาติเดียวกัน คนเสื้อแดงเขาต้องการความเป็นธรรม

จึงนับเป็น ครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาเป็นคนไทยเพิ่งจะได้พบเห็นความขัดแย้งของคนชาติอันเกิดจากรัฐบาล และพวกเผด็จการปัญญาอ่อน พร้อมใจกัน “จัดทัพ” เพื่อจะยับยั้งการร้องขอความเป็นธรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่ผิดที่ผมจะเขียนหนังสือเดือน :ภัยพิบัติชาติ ฉบับที่ ๑ !

ผมขอเรียนว่าผมไม่ได้มีความสุขในการได้เขียน ผมรู้สึกหดหู่ใจเพราะขณะนี้ที่กำลังเขียนใบปลิวกู้ชาติฉบับนี้ (บทที่ ๓๒) ผมได้รับโทรศัพท์จากต่างจังหวัดจนตอบไม่ทัน

สรุปได้ความว่าการส่งรายชื่อ “ผู้ถวายฎีกา” แทนที่จะหยุด แต่จะมีผู้คนพากันแห่ถวายฎีกาอีกระลอกใหญ่

คราวนี้ จะก่อให้เกิดการวัดดวงขึ้นในประเทศว่า ระหว่างเผด็จการกับคนเสื้อแดง ใครจะมีมหาประชาชนมากกว่ากัน และหากแม้นว่าพวกเผด็จการเกิดบ้าระห่ำ บุกทำร้ายประชาชนเมื่อใด เมื่อนั้นสงครามอันไม่พึงปรารถนาจะระเบิดขึ้น

อนิจจา ! ประเทศไทยจะเกิดสงครามกลางเมือง ?!

ขอกราบเรียนต่อท่านผู้อ่านที่เคารพว่า สถานการณ์ของประเทศไทยมิได้หลุดรอดไปจากการสังเกตการณ์ของชาวโลก แท้ที่จริง “ชาวโลก” ได้เฝ้าสังเกตเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง มิได้เกิดจากปัญหาข้าวยากหมากแพง มิได้เกิดจากชาวนาไม่ยอมทำนา แต่ปัญหาความขัดแย้งเกิดจาก “ชนชั้นสูงใช้อำนาจเผด็จการ กระทำต่อผู้คนในประเทศด้วยความไม่เป็นธรรม”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวโลกก็จะพากันประณามประเทศไทย และพากัน “บอยคอต” ประเทศไทยดังที่ได้บอยคอตหลายประเทศในโลก

เรื่องที่ผมคาดเดาเช่นนี้มิใช่ตีตนไปก่อนไข้ แต่มันจะเป็นจริงเนื่องจากข้างในตับไตไส้พุงของประเทศไทยกำลังก่อโรคมะเร็งร้าย แต่มันมิใช่มะเร็งร้ายแบบต้องฉายแสง แต่มันมะเร็งร้ายอันเกิดจาก“มิจฉาทิฐิ” กล่าวคือเผด็จการพากันเห็นผิดเป็นชอบ แม้ใกล้จะเกิดการ“นองเลือด” ยังมิได้หวั่นวิตกแต่ประการใด

ผมยังขอยืนยันว่ามีความเสียใจ “ล่วงหน้า” ดังที่ได้เขียนไว้ในบทที่ ๓๑ ผมไม่อยากเห็นประเทศไทย “นองเลือด” !แต่ผมก็จะได้เห็น ...ผมเสียใจตรงนี้

ใครไม่อยากเห็นก็จะได้เห็น ?!

ผมได้กล่าวเอาไว้ว่า มิใช่แต่เท่านี้ หากประเทศไทยนองเลือดสถาบันหลักของชาติก็จะมีอันได้รับความบอบช้ำ (อันหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย) ! จะเกิดอะไรขึ้นกับพระเจ้าแผ่นดินของเรา ผมไม่อาจพยากรณ์ได้

แต่สิ่งที่เดาได้เลยก็คือ จะมีคนทำให้ “พระเจ้าแผ่นดิน” อันเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนคนไทมได้รับความบอบช้ำอย่างร้ายแรง !

ผมขอขยายความต่อไปว่า “ความมั่นคงของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงสยาม” ตั้งอยู่บนหัวอกของคนไทยทั้งชาติ มิใช่ตั้งอยู่ได้โดย “บุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” อย่างแน่นอน

พูดให้ชัด ถ้าคนไทยทั้งชาติต้องการพระเจ้าแผ่นดิน ย่อมหมายถึงพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ หรือ ๑๐ หรือ ๑๑ หรือสืบต่อไปข้างหน้า ก็จะมีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด

แต่ปัญหาในวันนี้ ได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง (พวกเผด็จการกลุ่มเดิมๆ)ได้ใช้กลยุทธ์ยุแยงตะแคงรั่ว แยกคนไทยเป็น ๒ ฝ่าย ด้วยการยกย่องฝ่ายหนึ่งว่ารักเจ้า แล้วกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่มีความจงรักภักดี คนกลุ่มนี้กล่าวหา ตอกย้ำ และใส่ร้ายป้ายสี มุ่งมั่นที่จะขยายผลให้เกิดความบาดหมางอย่างร้ายแรงขึ้นในชาติให้ได้

สถานการณ์ในวันนี้ชี้ชัดว่า คนกลุ่มนั้นไม่ได้คิดหาหนทางที่จะดับไฟ ไม่คิดที่จะแก้ไขปัญหาประชาธิปไตย พวกเขายังคง “มุ่งหน้า” ที่จะขัดขวาง แบบถึงไหนถึงกัน การกระทำของพวกเขาถือเอา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวปัญหาใหญ่ โดยพากันแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อจะกำจัด “ทักษิณ” ให้สูญหายไปจากประเทศไทย

พวกเขาได้พากันทำร้ายทักษิณด้วยการจับมัดมือไขว้หลังแล้วผูกตราสังข์ กะจะเอาเอามีดสับ เอาเกลือทา ก็ไม่ปาน

พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ถูกฆ่าให้ตายทั้งเป็น !

ประชาชนเขารู้ และเขาเข้าใจว่า ทักษิณ เป็นคนดี เป็นคนบริสุทธิ์เป็นคนเก่งของแผ่นดิน สามารถแก้ไขไปปัญหา “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” ได้ผลทันตาเห็น
คนเสื้อแดงจึงมีความเข้มข้นเต็มเปี่ยมที่จะสู้กับเผด็จการ ดังจะเห็นจากการรวมตัวกันเข้าขอถวายฎีกาเมื่อวันที่ ๓๑ กค./๕๒

ทว่า...เมื่อวันเวลาเดินทางถึง ๓๑ กรกฎาคม/๕๒?สิ่งที่ปรากฏให้เห็นนั้น แทบไม่น่าเชื่อว่า “ทหารและรัฐบาล” ได้พากัน “ต่อต้าน”อย่างเอาเป็นเอาตาย จนสรุปได้ ว่าพวกอำมาตย์ไม่สนับสนุนการถวายฎีกาไม่ว่ากรณีใด ๆ ทำให้ตัวผมกล้าที่จะพยากรณ์ออกมาว่า สงสัยประเทศไทยจะไม่พ้นการนองเลือดเสียแล้ว

ผมจึงเขียนหนังสือเตือน ภัยพิบัติชาติ ฉบับที่ ๑ ! มอบให้แก่ กอ. รมน. สันติบาล สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวง ทบวงกรมทุกแห่งทั่วประเทศ โปรดอย่านิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา

โปรดอย่าใช้วิธีการ “ปฏิเสธ” เป็นแนวทางชี้ขาดอนาคต

ผมขอเรียนว่า ถ้าก้าวผิดและก้าวพลาดใน ๑๐ วันข้างหน้านี้จะเป็นชนวนทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ?!

จบบทที่ ๓๒ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น