วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 20 ทำไมทักษิณ ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ

บทที่ ๒๐ ตอน : ทำไมทักษิณ ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ!

ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ ท่านอ่าน "ใบปลิวกู้ชาติ" ผ่านตาไปกี่บทแล้วครับ ช่วยแจ้งให้ผมรู้ด้วยว่าเนื่อหาสาระ สมกับที่ได้ตั้งชื่อว่า "ใบปลิวกู้ชาติ" หรือไม่ใบปลิวกู้ชาติบทนี้ เป็นเรื่องที่คนเสื้อแดงกำลังพากันชักชวนพี่น้องประชาชนให้พากันลงชื่อ ขอพระราชทานอภัยโทษ นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ ซึ่งได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่า อย่างน้อย ๑ ล้านคน ผมได้รับฟังข่าวจากสื่อทราบว่าครบล้านแล้วจ้าตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

ท่านผู้อ่านครับ ก่อนจะอ่านต่อไป ผมขอรำพันถึงปัญหาของประเทศชาตินำร่องเพื่อจะได้ เป็นน้ำยาผสมขนมจีน อ่านแล้วจะได้เนื้อหาสาระมากขึ้น ดังนี้

นับแต่พรรคมะแลงสาบกับพันธมิตร เล่นงานรัฐบาลทักษิณ จนเกิดความปั่นป่วน เตะตาทหาร ทำให้ทหารใช้เป็นข้ออ้าง "ทำการยึดอำนาจรับบาล" ที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙

นับแต่นั้นเป็นต้นมา สถานการณ์ของประเทศก็เลวลง...และเลวลงทำให้บ้านเมืองสับสน ปั่นป่วน การค้า การขาย และการผลิตประสบชะตากรรม ตั้งแต่เหนือ จรดใต้ โดยเฉพาะได้แก่ โรงงานน้อยใหญ่ที่เคยมีคนงาน จำนวนมาก ต่างพากันลดจำนวนคนงานลง อันหมายถึงการเลิกจ้าง ใครที่ถูก "เลิกจ้าง" แม้จะได้เงินเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายก็ตาม มันไม่อาจทำให้ชีวิตดีขึ้นได้

สภาพจิตใจเสื่อมทรุดอย่างหนัก เพราะว่าทันทีที่ถูกให้ออกจากงาน นับแต่วันนั้น ชะตากรรมเหมือนคนไร้ที่พึ่ง เมื่อคนตกงานมากขึ้น ร้านค้าก็พากัน "ถังแตก" ตามขึ้นมา เนื่องจากร้านค้าขายของไม่ออก ร้านอาหารที่เคยมีคนนั่งดื่ม ก็มีอันต้องปิดร้าน หรือไม่ก็ยุบลงมาเหลือเป็นแค่ร้านส้มตำ ยำแซ่บ เพื่อเป็นการประคับประคองมิให้พากันเจ็งทั้งครอบครัว

มิใช่แต่เท่านี้ โรงงานขนาดยักษ์ก็ยังต้องล้มเลิกกิจการ ปัญหาทั้งหลายเหล่านี้ เกิดจากอะไร คนไทยน่าจะจำกันได้ดีว่า ทักษิณเขาบริหารประเทศ อยู่ดี ๆ พลันมีคนมาตะโกนด่า หาว่า "เฮ้ย...ไอ้ขี้โกง เฮ้ย...เผด็จการรัฐสภา แล้วด่ากราดไปอีกหลายเรื่อง เช่นด่าว่า ทำตัวเสมอเจ้า...เล่นเอาเถิด สุดแต่อยากจะทำ"... ท่านคงจำได้ใช่ ไหมว่าคนที่ทำ ก็คือพรรคมะแลงสาบ นี้แล

วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ ทักษิณพลาดท่าเซ็นหนังสือในใบยินยอมให้คุณหญิงซื้อที่ดิน กลายเป็นการทำความผิดร้ายแรงถึงขั้นถูกศาลสั่งจำคุก ๒ ปี ทักษิณเลยระเห็ดไปอยู่ต่างประเทศ เรื่องอะไรจะอยู่ให้จับเข้าคุก จากสาเหตุทักษิณย้ายที่อยู่ของตนเองไปยังต่างแดน ประดา "อำมาตย์" และหุ่นยนต์มะแลงสาบต่างพากันขย่ม ด้วยการตั้งชื่อเรียกทักษิณเสียใหม่ว่า "นักโทษชาย" หลังจากนั้น ก็ตั้งหน้าตั้งตาตามล่าตัว จะเอามาเข้าคุกให้ได้

ทักษิณไม่ใช่คนโง่นี่ครับ จะยอมให้ถูกจับง่ายๆ ก็ต้องใช้บารมีของตัว ขออาศัยอยู่ในประเทศ "สหรับอาหรับอะมีเรตส์" หรือ "ยูเออี" โดยไปพำนักอยู่เมืองดูไบ อันเป็นเมืองท่าอันดับ สองรองลงมาจากเมืองอะบูดาบี้ ทักษิณท่านก็อยู่ ของท่านอย่างปลอดภัย มีเครื่องบินเป็น พาหนะท่องเที่ยวไปทั่วโลก พร้อมกับถือโอกาส "โฟนอิน" พูดจาประสาการเมืองกับพี่น้อง คนไทยอย่างเป็นระบบ และถือเป็นการต่อสู้กับพวกเผด็จการ

ผมได้ฟังความเห็นของนักการเมืองฟากรัฐบาล เขานินทาทักษิณอย่างสนุกสนานด้วยการ เย้ยหยันว่า ชะตากรรมไม่แตกต่างจากถูกจับส่งเกาะตะรุเตา กว่าจะได้กลับบ้าน มีหวังเหลือ แต่กระดูก แล้วนินทาต่อไปว่า โง่ตายห่ะ แทนที่จะหาทางมาติดคุกซะ แค่ ๒ ปีเท่านั้นก็ออก มาบินปร๋อ รออีกนิดก็กลับมาเป็นนายกได้แล้ว

ผมได้ยินนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลพูดอย่างนั้นจึงเพิ่งรู้ว่านักการเมืองพวกนั้น โง่หงำเหงือก หรืออีกนัยหนึ่ง คือโง่ดักดาน ท่านอยากรู้ไหมครับว่าทำไมผมจึงว่าโง่ดักดาน คำตอบก็คือ ไอ้รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ มันเขียนเอาไว้ คนที่ลงสนามการเมือง จะต้องไม่เคยต้องโทษ หรือ หากเคยต้องโทษ ก็จะต้องผ่าน ๕ ปีไป จึงจะมีสิทธิ์ เข้าสู่สนามการเมืองอีก เห็นม๊ะ...ท่านทักษิณ ท่านรู้นี่ครับว่า ขืนเอาตัวมาเสี่ยงภัยในคุก นอกจากจะไม่ปลอดภัย เพราะอาจถูกพวกอำมาตย์แอบเอายาพิษใส่อาหาร หรือไม่ก็อาจถูกลอบสังหารอะไรทำนองนั้น

หรือว่า แม้จะปลอดภัย ได้รับอิสรภาพออกมาจากคุกแล้วก็ตาม คราวนี้ต้องรอ ๕ ปี...จึงจะมีสิทธิ์ในสนามการเมือง เห็นพิษสงของ รธน. ๕๐ แล้วหรือยัง

และ...ในระหว่าง ๕ ปี ไม่แน่ว่าจะถูกอำมาตย ์และ พรรคมะแลงสาบ จะหาเรื่องให้ได้รับเคราะห์กรรมเพิ่มขึ้นอีกนับอย่างไม่ถ้วน

ทั้งนี้ก็เพราะมีข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้ขึ้นสู่กระบวนศาลเหลืออยู่บานเบอะไม่น้อยกว่า ๑๕ คดี เช่นนี้เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้แล แนวทางแก้จึงต้องคลานเข้าไปหาการขอพระราฃทาอภัยโทษอันเป็นที่พึ่งสูงสุด ของพสกนิกรทั้งหลาย แต่ก็ไม่ทราบว่า เหตุไรจึงมีคนออกมา โวยวายว่าเป็นการกระทำที่ไม่ เหมาะสม จะทำให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

นอกจากนี้ การกราบบังคมทูล ขอพระราชอภัยโทษ ณ โอกาสนี้ ยังเป็น "นัย" แห่งความ จงรักภักดี ที่ถูก "คนชั่ว" ใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาว่าจะเป็นใหญ่เสียเอง จะยื้อแย่งพระราชอำ นาจถึงขั้นจะตั้งตนเป็นประธานาธิบดี อันนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้กล่าวในท่ามกลางที่ ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร สร้างความพิศวงงงงวยไปทั่วแผ่นดิน พร้อมกับได้ก่อปัญหาให้พวกเสื้อเหลือง ที่ถูก "พันธมาร"ล้างสมองจนไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง เกิดความเกลียดชัง พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร แทบจะเรียกได้ว่า เกลียดเข้ากระดูกดำ เห็นไหม...นี้คือปัญหาที่ซ่อนอยู่ในหลืบของคดีศาลสั่งขังคุก ๒ ปี

ดังนั้น เมื่อการขอพระราชทานอภัยโทษ จากพสกนิกร ๑ ล้านคนเกิดขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นแล ย่อมจะส่งผลกระทบต่อพวกอำมาตย์ และพรรคมะแลงสาบ ไม่อย่างใด ก็อย่างหนึ่ง และหาก แม้นว่า เมื่อใด พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระราชทานพระเมตตา ให้รอดพ้นจากปัญหา ย่อมจะเป็นการ "กอบกู้" ให้ประเทศชาติกลับคืนสู่ความสงบ ดีกว่าจะปล่อยให้พรรคมะแลงสาบ หาทาง "สมานฉันท์" ด้วยการสร้างเครือข่ายนานาประ การ เพื่อจะเอาขึ้นมา "ล่อใจ" ประชาชนให้รักใคร่ชอบพอแนวทางของพรรคมะแลงสาบ

ผมขอกราบเรียนต่อท่านผู้อ่านว่า ในใบปลิวบทที่ ๒๐ ชิ้นนี้ เขียนไม่ให้ยาวนัก แต่ก็มีความหมายแก่ความปรารถนาอยากเห็นความสงบสุขจักเกิดขึ้นในแผ่นดิน ทั้งนี้โดยจะอาศัย พลังของมหาชน ๑ ล้าน (เป็นอย่างต่ำ) เข้าชื่อกราบบังคมทูล ขอพระราชอภัยโทษ ดังที่กำลัง ดำเนินการอยู่ทั่วประเทศในขณะนี้

พรรคมะแลงสาบ คมช. และ พันธมิตร น่าจะพากัน "ลงชื่อร่วมต่างหากล่ะ" จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปรารถนาอยากให้ชาติยุติความขัดแย้ง ใช่หรือไม่ใช่ขอรับ

ทั้งนี้ อย่ามัวแต่ถามหาว่าทำไมทักษิณ จึงกราบขอพระราชทานอภัยโทษ ?

จบบทที่ ๒๐ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น