วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 42 วสิษฐ์ ชี้ 2 พระองค์กำลังถูกทุกลาย ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ร่ำไห้

บทที่ ๔๒ ตอน : วสิษฐ์ชี้ ๒ พระองค์กำลังถูกทำลาย ..?! “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ร่ำให้”

ผมอ่านพาดหัวข่าว ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ร่ำให้ ขอร้องคนไทย อย่าได้ทะเลาะเบาะแว้ง ให้ความชื่นใจ “ในหลวง-ราชินี” บ้าง ซึ่งเป็น พาดหัวข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “มติชน” ฉบับที่ ๑๑๔๙๑ ประจำ วันพุธที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

หมายเหตุ การเขียน “ใบปลิวกู้ชาติ บทที่ ๔๒” ในวันนี้ จะแบ่งเป็น ๒ ภาค เพื่อจะได้นำเอาความกระจ่างมาแสดงให้ครบ และให้ตรงตามประเด็นที่ต้องการ
ภาคที่ ๑ ว่าด้วยเนื้อหาของข่าว :

ผมขอเรียนว่า ผมอ่านข่าวด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย-สับสน ต่อกระบวนข่าวที่เกิดขึ้น เพราะว่าตั้งแต่เกิดมา “ไม่เคยมีข่าว” เกี่ยวกับ องค์พระประมุขทรงทุกข์พระทัย อันเนื่องมาแต่ความขัดแย้งของคนในชาติ เลย แต่วันนี้ได้มีข่าวเช่นนี้เกิดขึ้นในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้ผมไม่อาจ นิ่งอยู่ได้ ผมขออนุญาตนำเอาข่าวนี้ขึ้นมาเขียน ในใบปลิวกู้ชาติ บทที่ ๔๒ เพื่อจะสื่อไปยังกลุ่มบุคคลที่เป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้หยุด การกระทำ

ใครบ้างที่เป็นภัยต่อสถาบัน ผมจะนำเอามาเสนอให้จบในบทนี้ ก่อนอื่น ผมขอคัดเอาข่าวหน้า ๑ ไม่มีการตัดต่อ ดังนี้



“สำนักราชเลขาธิการทำเว็บไซต์เผยแพร่พระราชกรณียกิจ พระราชินี ท่านผู้หญิงร่ำให้บอกในหลวง – พระราชินีทรงไม่ต้องการ อะไร แต่ทรงอยากเห็นบ้านเมืองอยู่รอด คนไทยสามัคคี อย่าขัดแย้งกัน พล.ต.อ. วสิษฐ์เผย ๒ พระองค์กำลังตกเป็นเป้าถูกโจมตีลบหลู่ของคนบาง พวก ระบุแม้ศัตรูไม่ถืออาวุธแต่ได้ใช้วิธีย้อมหัวใจลูกหลานให้หลงผิด” จบข่าวหน้า ๑ (มีต่อหน้า ๕)

สำหรับข่าวในหน้า ๕ ผมขอคัดเอาบางท่อนของเนื้อข่าว แต่จะ รักษามิให้เกิดความสับสนเริ่มจากท่อนกลาง ดังนี้

“ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ จนบัดนี้ สมเด็จพระนางเจ้าทรงไม่เคยห่างจากพระองค์เลย อะไรที่เป็น พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงมีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยตลอดเวลา ในสมัยที่ผมรับราชการ เบื้องพระยุคลบาทเป็นสมัยที่บ้านเมืองไม่สงบจากพวกคอมมิวนิสต์ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ไม่เคยหยุด ทรงงาน ไม่ทรงท้อถอยหวั่นเกรง ยังคงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่สีแดงด้วยความห่วงใยพสกนิกรของพระองค์” พล.ต.อ. วสิษฐ์กล่าว

อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจกล่าวอีกว่า“ขณะนี้พระบาทสมเด็จ- พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ กำลังตกเป็นเป้าของการลบหลู่ การให้ร้าย การโจมตีอย่างโจ๋งครึ่ม โดยบางคนบางพวกบางประเภท ตนกล้าเรียนให้ทราบ แม้ไม่มีการยืนยันจากรัฐบาล แต่ตนยืนยันจากความรู้ การสังเกตของตนเอง พบว่าสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น ตอนนี้มีเว็บไซต์ เถื่อนที่กำลังทำอย่างนี้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ พระนางเจ้าฯ อยู่อย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง และขอเตือนให้ทราบว่า ผู้ที่เราเคารพสักการะ ผู้ที่เป็นผู้สืบทอดการปกครองแบบราชาธิปไตย มากกว่า ๗๐๐ ปี กำลังถูกทำลายโดยคนพวกหนึ่ง สิ่งที่คนไทยต้อง ตระหนักและช่วยกันคือปกป้องสถาบันที่อยู่คู่เมืองไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ขึ้นย่อหน้า...
“มาวันนี้ ขอวิงวอนท่านทั้งหลายว่า แม้ศัตรูจะยัง ไม่ถืออาวุธ แต่กำลังใช้วิธีย้อมหัวของเรา ย้อมหัวใจของเราให้หลงผิด สิ่งที่ทำได้คืออย่าทำให้พี่น้องลูกหลานเข้าใจผิด แต่ต้องทำความเข้าใจ และเผยแพร่สอนผู้อื่นให้รู้ว่าเมืองไทยอยู่ได้เพราะ ๓ สิ่งนี้ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราต้องทำ ถ้าเราไม่ทำ เราจะเกิดสงครามที่สาหัสมาก อย่าทำให้เกิด แต่ทำได้ด้วยการถ่ายทอดให้ทุกคนรู้ว่า พระบาทสมเด็จ- พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงทำอะไรมาแล้วกว่า ๖๐ ปี ให้เราทุกคนช่วยกัน” พล.ต.อ. วสิษฐ์กล่าวเอาไว้ในท่อนกลาง

จากนั้น ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ นางสนองพระโอษฐ์ที่ถวายงาน รับใช้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ มาประมาณ ๔๐ ปีกล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯเสด็จไปเยี่ยมราษฎรตามหมู่บ้านต่าง ๆ ของประเทศ ไทย ตั้งแต่ปี ๒๔๙๘ ไม่ว่าจะทุรกันดารอย่างไร ทั้งสองพระองค์ ทรงเสด็จไปทุกหนทุกแห่ง พระองค์จะสอนเสมอว่าให้คุยกับราษฎร อย่างเคารพนบนอบ คิดว่าเขาเป็นพี่น้อง

ผมขออนุญาต “เว้น” ไป ๑ ท่อน
ขอขึ้นท่อนสำคัญว่า “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์กล่าวพร้อมกับร่ำให้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯทรงทำทุกอย่าง ให้กับคนไทย ทรงทำมาอย่างยาวนาน แต่ทุกคนได้มีความคิด ได้เล่าต่อกัน หรือไม่ ทุกพระราชกรณียกิจ ทุกโครงการของพระองค์ไม่เคยหนีจาก ประชาชน แล้วไม่เคยเอาอะไรมาเป็นของพระองค์เลย ทรงทำให้กับแผ่นดิน ทรงทำให้ประชาชน”


ภาคที่ ๒ ว่าด้วยบทวิพากย์:

ว่าด้วยการร่ำให้ของท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ดังที่เป็นข่าว ว่าเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญ ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนชาวไทยพากัน “ร่ำให้” นับครั้งไม่ถ้วนเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งในยามสมเด็จย่าทรงจากไป สมเด็จพระพี่นางก็จากไปด้วย และ ยิ่งในคราวองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวร อยู่ในความดูแล ของหมอที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ปรากฏว่าประชาชนน้ำตานองหน้า เฝ้าโรงพยาบาลหนาแน่น ปรากฏเป็นข่าวติดต่อกันทุกวัน

จึงวิพากย์ วิจารณ์ได้ด้วยความเป็นจริงว่า ภาพของประวัติศาสตร์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันล้ำลึกระหว่างประชาชนกับ พระเจ้าแผ่นดิน แนบแน่นและแสนจะอบอุ่น โดยไม่เคยมีคนไทย “คนไหน” กระทำอันไม่บังควรทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยเฉพาะ คนยากคนจนนั้นพากันกราบไหว้ สักการะพระเจ้าแผ่นดินเป็นของสูง คนที่ทำมาค้าขาย จะติดตั้งรูป ร. ๕ เอาไว้ในร้านให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยสมความปรารถนา

ในส่วนของสมเด็จพระนางเจ้าฯ อันเป็นพระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่างก็เป็นเครื่องหมายของวันแม่ (๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒) ดังที่ประชาชนทั้งหลายทราบดี

การที่ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ร่ำให้ออกมานั้น เป็นเรื่องเดียวกัน กับน้ำตาของประชาชน

สำหรับ “พล.ต.อ. วสิษฐ์ เดชกุญชร” ที่ได้กล่าวออกมาทั้งหมด ก็ไม่ผิดเลยที่ได้นำเอาความจริงมายืนยันว่าขณะนี้ พระบาทสมเด็จ- พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ กำลังตกเป็นเป้าของการลบหลู่ การให้ร้าย การโจมตีอย่างโจ๋งครึ่ม โดยคนบางพวก บางประเภท

เหตุไรรัฐบาลจึงปล่อยปะละเลย (ด้วยเล่า) ! ผมขอนำข้อเท็จจริงในภาคที่ ๒ ว่าด้วยการวิพากย์ มาเสนอให้ท่าน ทั้งหลายได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าอะไรคือต้นเหตุของปัญหา และอะไรคือปัจจัยที่จะทำให้ปัญหานี้เกิดความรุนแรงขึ้นมา จนอาจเป็น เหตุให้เกิดสงครามอันสาหัส ?!

ประเด็นที่ ๑ ไม่ว่าจะอ่านข่าวในรูปไหนและวิธีใด ข่าวที่ปรากฏ ออกมาในครั้งนี้ ได้พุ่งเป้ามาที่ “คนเสื้อแดง” ร้อยเต็มร้อย ทั้งนี้เนื่องจาก การใช้คำพูดว่า “แม้ศัตรูไม่ถืออาวุธ แต่ได้ใช้วิธีย้อมหัวใจลูกหลานให้หลง ผิด” ย่อมหมายถึงการต่อสู้แบบอหิงสา ไม่ใช้อาวุธ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ซึ่งมีอยู่เพียงกลุ่มเดียว คือกลุ่มของ นปช. (แนวร่วมประชาชนต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ) หรือรู้จักกันในนามของคนเสื้อแดง – แดงทั้งแผ่นดิน [Red in the Land]

ประเด็นที่ ๒ พล.ต.อ. วสิษฐ์ และท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ไม่ได้ หมายถึงพวกอำมาตย์ / หรือพวกพรรคประชาธิปัตย์ หรือพวกพันธมิตร- สันติอโศก และไม่ได้หมายถึงพวกราชชนิกุล-ไฮโซทั้งหลาย เมื่อไม่ได้ หมายถึงใครเลยนอกจากคนเสื้อแดง

จึงเป็นการมุ่งที่จะพูดให้ สังคมไทยทั้งประเทศเข้าใจอย่างกว้างขวางว่า ให้ระวังคนเสื้อแดงเอาไว้ ?!

ผมอ่านข่าวและวิจารณ์ออกมาเช่นนี้ พบตัวเองตกอยู่ในกลุ่ม ของคนเสื้อแดง ย่อมไม่พ้นที่จะตกเป็นเหยื่อของพวกเผด็จการ ที่คิดแต่ จะปราบปรามเพื่อจะได้รักษาความมั่นคงให้แก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ผมขอกล่าวว่าพวกท่านได้กระทำผิดและดำเนินการผิดพลาด อย่างใหญ่หลวง !
พวกท่านเป็นผู้ก่อปัญหา ทำให้สมเด็จพ่อของเราต้องทรงทุกข์พระทัย ?
ท่านอยากฟังไหมเล่าว่า พวกท่านได้กระทำความผิดอย่างไรบ้าง

ผมขอกล่าวว่า “ถ้าพวกท่านตั้งใจที่จะทำลายทักษิณให้พ้นไปจาก สนามการเมืองในประเทศไทย” ท่านทำได้อยู่แล้วจากคดีทุจริตล้วนๆ ถ้ามีหลักฐานก็เอาเข้าคุกได้

แต่พวกท่านเกิดบ้าดีเดือดขึ้นมา ด้วยการประกาศในสภา ผู้แทนราษฎรว่า พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี ทำให้สถานะของข้อขัดแย้งเปลี่ยนจากคดีทางการเมืองขึ้นไปสู่การ แก่งแย่งอำนาจระหว่าง พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร กับองค์ระมหากษัตริย์ ในกรณีดังกล่าวนี้ แม้ว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร จะได้แต่งตั้ง นายความฟ้องหมิ่นประหมาท “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” แต่ศาลก็ ไม่รับฟ้อง จึงทำให้ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ มีข้อหาร้ายกาจติดตัว สุดที่จะ สลัดให้หลุดไปได้

พวกอำมาตย์มิได้หยุดอยู่เพียงการกล่าวหาเท่านั้น พวกท่านได้ ขัดขวางการยื่นถวายฎีกาและกล่าวหาการถวายฎีกาว่าเป็นการก้าวล่วง พระราชอำนาจ (ผมถ่ายภาพแผ่นป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ของรัฐบาล เอาไว้แล้ว) !

การคัดค้านขัดขวางเป็นไปอย่างร้อนแรง มีการระดมให้ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงการให้ข่าวต่อต้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะไม่ให้หนังสือถวายฎีกาขึ้นไปถึงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การกระทำของพวกอำมาตย์เผด็จการ ได้ก่อให้เกิดความแค้นเคืองแก่ราษฎร ทีรักความเป็นธรรมอย่างยิ่ง คนกลุ่มนั้นคือ “คนเสื้อแดง” แดงทั้งแผ่นดิน

ผมขอเล่าให้ฟังว่า ราษฎรไม่มีใครเลยที่จะแค้นเคืองสมเด็จพ่อ ของเรา เพราะว่าเขาก็รักของเขา เขากราบไหว้อยู่ทุกวัน จะแค้นเคืองได้ อย่างไร
เขาแค้นเคืองพวกคุณต่างหาก ...รู้หรือเปล่า ? สถานการณ์ ณ ห้วงเวลานี้ ที่ว่าประเทศไทจะเกิดสงครามสาหัส นั้น ขอให้รู้เอาไว้ซะด้วยว่ามันจะเกิดจาก “ความชั่ว” ของอำมาตย์ชั้นเลว ที่พยายามก่อสงครามทุกวี่ทุกวัน

ถ้าต้องการให้ประเทศไทยสงบลงในพริบตา ย่อมทำได้ ๒ แนวทางคือ
( ๑ ) ! ให้ “สร้างกฎหมายปรองดองแห่งชาติที่เป็น ประชาธิปไตย” กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วัน หรือไม่ก็... รีบสนับสนุนให้หนังสือถวายฎีกา ให้ได้รับความสำเร็จกลับมาเถิด แล้วความสงบจะเกิดขึ้น
( ๒ ) ! ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเถิดครับ แล้วจะได้พบกับทางออกทีสว่างไสวอยู่เบื้องหน้า ผมขอกล่าวว่า “อย่ามามัวกรีดน้ำตาหลอกชาวบ้านอยู่เลย” ถ้ายังมัวแต่กรีดน้ำตา แถมมีความโกรธในข้อเขียนของผมอย่างรุนแรง ไม่มีการ “วิภาค” ก็ย่อมจะ “วิพากย์” ปัญหาไม่ออก (ผมได้เสนอความเห็นเช่นนี้เอาไว้ในบทที่ ๔๑)

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กับ พล.ต.อ. วสิษฐ์ จะมีโอกาสได้พบข้อเขียนนี้ไหมหนอ

ท่านผู้ใดอยู่ใกล้ชิด กรุณาโหลดเอาไปให้อ่านด้วยครับ ?!

จบบทที่ ๔๒ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น