วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 10 โจรก่อการร้ายพูโล เลือกตั้งหัวหน้าใหญ่คนใหม่

บทที่ ๑๐ ตอน : โจรก่อการร้าย พูโล เลือกตั้งหัวหน้าใหญ่คนใหม่ ?!

ดังที่ผมได้เรียนกับท่านผู้อ่านเอาไว้ว่า ผมมีภารกิจเดินทางไปใต้หลายวัน จึงได้เขียนบทที่ ๙ล่วงหน้านั้นแหละครับ ตอนนี้..อยู่เมืองใต้ จึงเขียนบทที่ ๑๐ จากชายแดนไทย ด้านที่ติดกับประเทศมาเลเซีย ระหว่างด่านสะเดา (กะยูฮีตัม)กับหาดใหญ่ต่อกัน

ขอเรียนให้ทราบว่าทันทีที่ออกมาจากสนามบินหาดใหญ่ คุณอนันท์ จันทรัตน์ บก. หนังสือพิมพ์มติไทย กับ "หน. กอง บก." คุณวาสนา แกล้วทนง หรือคุณกบ รับผมจากสนามบิน เดินทางไปกราบหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ณ วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานีผมมองสองฝ่งทาง สังเกตุสถานการณ์ว่ามีอะไรแตกต่างจากเดิมบ้าง โดยมิได้ปริปากอะไรออกมา

บก. อนันท์ จันทรัตน์ ขับรถด้วยความเร็วพอประมาณ มีรถวิ่งตามมา ๒ - ๓ คัน ถนนจึงดูว่างและโล่งเตียน รถวิ่งผ่านนาหม่อมผ่านโรงไฟฟ้าจะนะ ประมาณ ๕ กม. แล้วแวะเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานแยกแก๊สจะนะ ที่ผมเคยเป็นผู้จัดการโครงการ [Project Manager] เมื่อครั้งก่อสร้างระหว่างปี ๒๕๔๖ - ๒๕๔๘ ซึ่งรับเหมาโดยบริษัทซัมซุง แล้วแบ่งซอยให้บริษัทเล็ก ๆ รับเหมาช่วงอีกต่อหนึ่ง

ที่โรงงานแยกแก๊สจะนะ ผมได้รู้จักกับเด็กหนุ่มอีสาน ที่เดินทางลงได้ รับจ้างกรีดยางแล้วได้แต่งงานกับ "ลูกสาว" ของอิหม่ามคนดังท่านหนึ่ง ต่อมาผมได้เรียกขานหนุ่มคนนี้ว่า"คีย์แมนโทน" แล้วนำฃื่อเรียกขานชื่อนี้เอาไปใช้กับการเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อหนังสือ กะเทาะเปลือกไฟใต้ ใครบงการ (หากท่านผู้ใดประสงค์จะอ่านหนังสือเล่มนี้ ท่านเปิดอ่านได้จาก Yahoo หรือ Google แล้วเข้าไปที่ "กะเทาะเปลือกไฟใต้ ใครบงการ" หรือเข้าไปที่"สอาด จันทร์ดี" ใน ๒ ชื่อนี้ แล้วคลิกอ่านได้เลยครับ

คีย์แมนโทน มาคอยพบผมที่นั่น ร่วมเดินทางไปปัตตานีด้วยกัน รถวิ่งผ่านสี่แยกเทพา กรือเซะ ผ่านค่ายอิงคยุทธแล้วเลี้ยวขวาไปที่วัดช้างให้ เมื่อเข้าไปถึงวัด รีบเข้าไปกราบหลวงปู่ทวด ทำบุญทำทานกับวัด กราบท่านเจ้าอาวาสตามประเพณีของชาวพุทธท่านเจ้าอาวาสบ่นให้ฟังมากมาย สรุปได้ความว่าญาติโยมไม่กล้ามาวัด การท่องเที่ยวตกต่ำขนาดหนัก ไม่มีคนมากเหมือนเมื่อก่อน ผมไม่แปลกใจกับสถานการณ์ท่องเที่ยวทรุดหนัก แลไม่แปลกใจที่การปราบปรามผู้ ก่อการร้ายไม่อาจสำเร็จลุล่วงไปได้ ผมคิดของผมในใจว่าการแก้ไขภาคใต้คงจะใช้เวลาไม่ น้อยกว่า ๓๐ ปี หรือ ๕๐ จึงจะสามารถทำให้ความเลวร้ายหมดไป

คีย์แมนโทน เริ่มให้ความรู้แก่ผม เขาเล่าเรื่องราวต่างๆมากมาย รวมทั้งได้เล่าว่าพวกโจรก่อการร้ายไปประชุมที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ การประชุมในครั้งนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะเป็นการประชุมเลือกตั้ง "หัวหน้าคนใหม่" ของกระบวนการโจรก่อการ้ายพูโล

พวกโจรพูโลประมาณ ๑๒๐ คน จัดประชุมขึ้นที่ รีสอร์ท บูเกะยือลาตัส ซาบาลันรัฐสลังงอร์ (ห่างจาก กัวลาลัมเปอร์ทางตอนใต้ ประมาณ ๑๐ กม.) เข้าใจว่ามีผู้สังเกตุการณ์มาจากหลายประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันเดียวกันนั้น ที่ประชุมได้ลงมติ เลือกนาย กาแม ยูโซ๊ะ หรือ "อาแบ กาแม" หรือในชื่อที่ ๓ ว่า "กาแม ฮีเล" ขึ้นมาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของกระบวนโจรแบ่งแยกดินแดนจังหวัดปัตตานี

คีย์แมนโทน เล่าว่า พวกโจรพูโล เขาจะเรียกพวกเขาในชื่อที่สวยหรู เช่นเรียกว่า "นักรบพระเจ้า" อะไรทำนองนั้น แต่สำหรับผม ได้เรียกขานพวกเขาว่าโจรป่าห้าร้อยตั้งแต่เริ่มเขียนหนังสือมาจนถึงวันนี้

คีย์แมนโทนเล่าต่อไปว่า ที่ประชุมได้เลือก นายอูเซ็ง เป๊าะซูเซ็ง เป็นรองหัวหน้าและได้เลือกนายนายี ยือลอ เป็นเลขาธิการใหญ่ เลือก รุสลัน ฮัสยียูนุ หรือ "นาย รุสลัน ยามู แรแน เป็นผู้บัญชาการนักรบพระเจ้า (แม่ทัพใหญ่) มีอำนาจควบคุมนักรับทั้งหลายใน๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สุดท้ายได้เลือกนายยาแซร์ ปาตาส เป็นเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ (คงจะเทียบเท่า กษิต ภิรมย์)

ผมรับฟังเรื่องราวด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ นึกไม่ถึงว่าประเทศไทยจะมีปัญหาแบ่งแยกดินแดนร้ายแรงขนาดนี้ ผมนึกของผมในใจว่า "ระบอบเผด็จการ" ได้ทำให้แผ่นดินแตกแยก แบ่งเป็นซ้ายเป็นขวา แบ่งแยกกันขนานใหญ่ และสุดท้ายได้เกิดมีเสื้อเหลือง เสื้อแดง และเสื้อสีน้ำเงิน เสื้อแต่ละสีไม่สามารถรวมกันติด ตรงกันข้าม มีแต่จะเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน

ผมไม่ได้ออกความเห็นอะไรกับคีย์แมนโทน รวมทั้งไม่ได้แสดงความเห็นอะไรกับคุณอนันท์ จันทรัตน์ เนื่องจากมันมีแต่ปัญหาค้ำลูกกระเดือก ทำให้พูดไม่ออก บอกไม่ถูก มันอัดตั้น สุดจะพรรณนาได้ จึงได้แต่พูดว่าเมื่อประเทศไทยเต็มไปด้วยพวกเผด็จการมันจะเข้าไปรุกรานความเจริญก้าวหน้าให้เสื่อมทรุดทั้งในกระบวนการเศรษฐกิจ และกระบวการ ทหาร การเมือง สุดท้าย มันจึงอึมครึม หาทางออกไม่เจอ...

หากไม่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยได้ เรื่องร้ายก็จะมีอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

ท่านครับ ผมอยากเล่าให้ฟังสักเล็กน้อยว่า ถ้าเป็นเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับพระ ศาสนาพุทธ กับศาสนาอิสลามจริงแล้วละก็ แก้ไม่ยากเลย เนื่องจากฝ่ายศาสนาพุทธไม่มีข้อแม้ด้วยประการทั้งปวง

ผมเชื่อว่าหากจะนำเอาเรื่องศาสนาที่ไม่เข้าใจกันมาพูดคุยกันเมื่อไร เมื่อนั้นก็จะสามารถระงับอธิกรณ์ได้ทันที แต่เรื่องของเรื่อง โจรก่อการร้ายต้องการแบ่งแยกดินแดน ถ้ายังยืนกระต่ายขาเดียวจะแบ่งแยกให้ได้ เรื่องมันจึงสงบไม่ได้

ผมจึงขอทำหน้าที่เพียงเสนอข่าว ในฐานะไปตระเวณดู ๓ จังหวัดมาด้วยตนเอง ขอให้ท่านผู้อ่านอย่าหงุดหงิดเลยครับ ประเทศเผด็จการมันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ ?!!

จบบทที่ ๑๐ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น