วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 28 ทหารระวัง จะกลายเป็นเครื่องมือจับประชาชนเป็นศัตรูกับเจ้า






บทที่ ๒๘ ตอน ทหารระวัง จะกลายเป็นเครื่องมือ จับประชาชน เป็นศัตรูกับเจ้า ?!

ท่านผู้อ่านที่รักครับ...ท่านอ่าน "ใบปลิวกู้ชาติ" บทที่ ๒๗ แล้วใช่ไหมครับวันนี้ขอให้ตั้งใจอ่านบทที่ ๒๘ ต่อจากเมื่อวาน เมื่ออ่านแล้ว ขอความกรุณาบอกต่อไปยังทหาร ตำรวจ และข้าราชการทั้งหลาย "ให้ได้รับรู้ว่าโดยพลันด้วยเถิดว่า"ขณะนี้ได้มีบุคคล กลุ่มหนึ่ง พยายามที่จะจับประชาชน หรือ "ปลุกปั่น" ประชาชน ให้เกิดความเกลียดชังสภาพสังคมไทยในปัจจุบันภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุข ..?!! บุคคลกลุ่มนั้น ได้แก่พรรคมะแลงสาบ และพันธมิตรสันติอโศก และองคมันดีบางคน

ซึ่งผมได้เล่าถึงความเชื่อและความรู้สึกไปแล้วว่า คนเหล่านั้น คือ "ตัวการล้มเจ้า" โดยพากันทำงานในลักษณะ "แนวร่วมมุมกลับ" อันหมายถึงตัวเองแสดงตนว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี แล้วกล่าวหาคนอื่นว่าเป็นภัยต่อสถาบัน

วันนี้ ผมอยากเขียนถึง "ทหาร หรือกองทัพแห่งชาติ" ด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่งผมวิตกกังวลว่าทหารจะตกเป็นเครื่องมือของอำมาตย์ใหญ่ "กลายเป็นผู้จับประชาชนให้ ปะทะกับสถาบันเบื้องสูง" ทั้งนี้เนื่องจากผมได้สังเกตุเห็นชัดเจนว่า กองทัพทั้งกองทัพ"ตกอยู่ใต้ อำนาจลึกลับ"

ซึ่งประชาชนคนไทยตระหนักดีว่าเจ้าของอำนาจลึกลับที่ว่านั้นได้แก่ อำนาจที่ แผ่รังษีมาจาก "พลเอก sensor " ! ประธาน องคา..sensor.....

ผมขอกราบเรียนต่อท่านผู้อ่านว่า ข้อเขียนที่ "พาดพิง พลเอก sensor ..sensor" อย่างไม่เกรงใจเช่นนี้ มิใช่เป็นการแสดงความเป็นศัตรู หากแต่เมื่อจะเขียนให้เห็นข้อเท็จ จริงอย่างแท้จริง ก็ไม่อาจละเว้นนามอันยิ่งใหญ่ของพลเอก sensor ได้

เรื่องมีอยู่ว่า "ทหารหรือกองทัพแห่งชาติ มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองประเทศให้มีความปลอดภัยทั้งในยามสงครามและยามสงบ

ประการสำคัญ ทหารมีหน้าที่โดยตรงที่จะรักษา ความมั่นคงให้แก่สถาบันชาติ ศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตริย์

วิธีการรักษาที่เหมาะสมและดีที่สุดได้แก่การรักษาสภาวะจิตใจของประชาชน ให้ตั้งมั่นอยู่ในจารีตประเพณี มีหัวใจที่ยึดเหนี่ยวและผูกมัดอยู่กับชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์

อันหมายถึง "ทหารหรือกองทัพแห่งชาติ" จะไม่ตกเป็นเครื่งมือของใคร จะไม่เข้าร่วมกับ "บุคคลผู้ใด" กระทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศไทย

การที่ทหารในนามกองทัพแห่งชาติ ขึงขังออกมารับฟังคำสั่งจากเจ้าของอำนาจลึกลับ ดังตัวอย่างกรณีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ถือได้ว่า ทหารได้ตกเป็นเหยื่อ รังสีอัมหิต ของเจ้าของอำนาจลึกลับ

นับแต่บัดนั้นก็ได้ตกเป็นเหยื่ออีกหลายเรื่อง ทำให้ข้อขัดแย้งอ่อน ๆ ที่เพิ่งจะฟักตัว กลายเป็นความขัดแย้งรุนแรงขึ้นทุกที

ผมขอกล่าวว่าเบื้องแรกมันเป็นข้อขัดแย้งที่วางอยู่บนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๓ คือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร แต่ต่อมามันได้ก้าวจาก "ทักษิณ" เป็นข้อขัดแย้งใหม่ พ่วงเอามวลชนคนเสื้อแดงนับล้านเข้ามาเป็นรากฐานของความขัดแย้งอีกด้วย

ต่อมา พวกพันธมิตร ได้เปิดประเด็นว่า "เสื้อเหลือง" คือคนรักพระเจ้าแผ่นดิน แล้วใส่ ความ "คนเสื้อแดง" ว่าเป็นภัยต่อระบอบการปกครอง

มันได้ขยับข้อขัดแย้งจากทักษิณขึ้นไปสู่ "สถาบัน" ตั้งแต่บัดนั้น เท่านั้นยังไม่พอนาย sensor (เทือก) ช่วยตอกย้ำมากกว่านั้น พลเอก Semsor
บิ๊กเสีย องคมนตรีบางคน ได้แบกฆ้อน ๑๐ ปอนด์มาตอกหัวตะปู ตามด้วยนักวิชาการ "สายมาร" ช่วยตอกย้ำเข้าไปอีก

และยังตามไปด้วย "สื่อเผด็จการ" พากันถือ "ปากกาเขียนด่าเพิ่มเติม" เป็นการ ตอกเข็มหมุดให้จมลึกลงไป

สถานการณ์ความขัดแย้งพวกนั้น ยกระดับขึ้นสู่ "เป็นภัยต่อสถาบัน" หรือกล่าวให้ชัด หมายถึงสังคมไทยได้ยัดเยียดให้คนเสื้อแดง เป็นศัตรูกับพระเจ้าแผ่นดิน

ท่านเอ๋ย...ผมขอกราบเรียนว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย มันกำลังจะกลายเป็น ยาพิษมหาวินาศ ที่จะก่อให้เกิดความสั่นคลอนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกหมู่เหล่า

แต่ก็มีคำถามว่า "ไหนว่าเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกหมู่เหล่า" แล้วเหตุไฉนจึงมีพวกเป็นภัยต่อสถาบันพระเจ้าแผ่นดินด้วยเล่า ?

คำตอบก็คือ มันเกิดมาจาก "การจับคนไทยในชาติให้ปะทะกันเอง" โดยพวกหนึ่งเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตู ยืนอยู่ข้างคนเสื้อเหลือง (ทหาร ตำรวจ พรรคมะแลงสาบ และองคมนตรีบางคน) แล้วพากัน "เล่นงาน" คนเสื้อแดง อย่างร้ายกาจรุนแรง

ผมขอกราบเรียนต่อท่านผู้อ่านว่า ก่อนจะเขียนเรื่องนี้ ผมนั่ง "สมาธิ" พิจารณาเบื้องหน้าเบื้องเหลังอย่างรอบคอบหลายตลบ เพื่อจะไตร่ตรองว่าควรจะนำเสนอความเห็นอย่างไร จึงจะได้ประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง เมื่อไตร่ตรองแล้ว จึงลงความเห็นว่า "ทหารหรือกองทัพแห่งชาติ" นอกจากจะเป็นกำลังรบปกป้องแผ่นดิน ยังจะต้องเป็น "แนวร่วมประชาชน" ช่วยกันปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของชาติ

ทหารต้องดำเนินการแสวงหาข่าว หรือ ข้อมูลอื่นใด กล่าวคือการเป็นสายลับ ตระเวณหาข้อมูลทั้งในเชิงลึกและเชิงลับ เพื่อจะได้รู้ว่าสถาบันจะมีภัยคุกคามจากด้านไหนบ้าง มีความจำเป็นต้องปฏิบัติการ กล่าวกันให้ชัด ทหารหรือกองทัพแห่งชาติ จะต้องมีความเชี่ยวชาญด้าน "การข่าว" อย่างสำคัญที่สุด

กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นข่าวลับ ลวง พราง หรือข่าวปล่อย ข่าวจริง ล้วนแต่จะต้องรู้ ถ้าทหารไม่รู้ข่าวก็เท่ากับตาทั้งสองข้างมืดบอดสนิท

กรณีพรรคมะแลงสาบ และพลเอก sensor sensor ออกมายันหน้าอก พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ว่าใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี ทหารต้องหาข่าวในเชิงลึกก่อนจะวิ่งโร่ตามเขาไป หากหาข่าวแล้ว พบว่าทักษิณจะเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องหาทาง "ดับไฟแต่ต้นลม" อย่าปล่อยเป็น "เชื้อเพลิง" ลุกไหม้ลามเลียแผ่นดินอันเป็นที่รัก

ผมเชื่อว่าทหารหรือกองทัพแห่งชาติมิได้หาข่าว หากแต่ด้วยเหตุว่า ทหารตกอยู่ใต้รังสีอัมหิต อิทธิพลของอำนาจลึกลับ ก็เลย "กระโดดเข้าไปยืนอยู่ตรงกลาง" ด้วยลากรถถังออกมายึด อำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ต่อจากนั้นก็ได้แสดงตนเป็นศัตรูต่อ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตรอย่างเปิดเผยซึ่งได้ขยาย ความขัดแย้งให้ขยับขึ้นสู่กระแสสูง เปลี่ยนจากความขัดแย้งระหว่างพรรคต่อพรรค กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนต่อประชาชน และปัญหาที่ ประชาชนเอามาขัดแย้งกัน ได้แก่ปัญหา "รักเจ้า-และไม่รักเจ้า"
สถาบันเจ้าได้ถูกดึงลงมาเป็นประเด็นให้ประชาชนขัดแย้งกันอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อเป็นเช่นนี้ มันจะทำให้ประเทศไทยเข้าสู่เงื่อนไขสงคราม (ประชาชน)อันเป็นแง่มุมที่พวกเผด็จการได้วางกับดักเอาไว้ กับดักตัวนี้เป็นกับดักทำลายความสงบที่น่ากลัวที่สุด เพราะมันยกกระแสจากปัญหาธรรมดากลายไปเป็นปัญหาใหญ่

เมื่อมันเป็นปัญหาใหญ่ มันจะเติบโตขึ้นจนอาจทำให้คนไทยยกพวกตีกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง

สัญญาณที่น่ากลัวได้แก่คนของพรรคเพื่อไทยเดินทางลงไปใต้ จะถูก "คนใต้" ไล่ทุบ ในขณะเดียวกัน คนของพรรคมะแลงสาบเดินทางไปภาคเหนือและภาคอีสานคนเหนือและคนอีสานจะเอาตีนตบไล่ด่า ดังจะเห็นได้จากกรณีเชียงใหม่ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เป็นต้น ลักษณะเช่นนี้ หมายถึงความขัดแย้งได้ขยายพื้นที่แคบ ๆ ไปสู่ภาค และสุดท้ายมันจะกลายเป็น ศัตรูแก่กันและกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไทยด้วยกัน

อีกสิ่งหนึ่งที่ทหารได้ตกเป็นเหยื่อของอำนาจลึกลับ ได้แก่การปราบปรามคนเสื้อแดงเมื่อ วันสงกรานต์ ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ทหารเล็งปืนใส่ประชาชน แล้วเหนี่ยวไกปืนยิง จะยิงขึ้นฟ้าหรือยิงไปที่ร่างของประชาชนที่วิ่งโห่ร้องอยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะตายหรือไม่ตายก็ตาม มันได้เป็น "เครื่องหมาย" ของการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างปรากฏชัด ทำให้คนเสื้อแดงเกิดความรู้สึก ว่าพวกเขาพร้อมจะถูกปราบ ในขณะคนอีกพวกหนึ่ง ทำความผิดเพียงใดก็ไม่ผิด

ท่านผู้อ่านที่เป็นทหารหาญ ผมอยากเขียนถึงท่าน (ทหารที่มีปัญญา) โปรดสร้างหัวใจของท่านเองให้เป็นทหารประชาธิปไตย รักชาติเท่าชีวิต เทิดทูลสถาบัน ด้วยความฉลากหลักแหลม โดยอาศัยวิธีการ "ทำให้คนไทยทุกคนตั้งมั่นอยู่ในสถาบันของชาติด้วยความรัก" อย่าผลักไสประชาชนเข้าป่า เพื่อจะปราบให้สิ้นทราก

โปรดตระหนักเอาไว้ว่า การรักษาสถาบันให้มั่นคงนั้น ต้องมั่นคงอย่างยั่งยืน ไม่ใช่มั่นคงเพี่อจะให้ผ่านไปวันต่อวัน

ผมจึงอยากบอกศาสตร์ที่สำคัญที่สุดก็คือ จงหาทางกู้คืนหัวใจของประชาชนทั้งประเทศ ที่ได้รับความ "บอบช้ำ" อันเกิดจากความหลงผิดของ พลเอก sensorsensor และพวกเผด็จการทั้งหลาย

แต่การจะกู้คืนความบอบช้ำนั้น ทหารต้องกล้าหาญที่จะปฏิเสธไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของจอมเผด็จการ ทหารต้องกล้าที่จะแสดงออกว่า "สนันสนุนการถวายฎีกา" และทหารจะต้องกล้า "สารภาพผิด" ต่อประชาชนทั้งประเทศ แล้วประกาศให้คนไทยทุกสีคืนดีกัน หันหน้าเข้าหากัน เจรจาเกลี้ยกล่อมให้ "มาร์ค กะ เทือก” ยอมรับความหลงผิด หันหน้าเข้าหากัน เอ่ยปากขอโทษทักษิณ และพร้อมที่จะออกกฏหมายนิรโทษกรรม เพื่อจะให้ความปรอง ดองที่แท้จริงกลับคืนมา ?!

ทหารและท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ผมขอพูดว่า "มีแต่ความปรองดอง" เท่านั้น ที่จะเอาชาติให้หลุดพ้นไปจากปากเหวได้ และขอกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีพระเจ้าแผ่นดินมา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ก้าวจากอยุธยา มากรุงธนฯ ออกจากกรุงธนฯ มากรุงเทพ กรุงเทพมีพระเจ้าแผ่นดินมาถึงปัจจุบันรวม ๙ พระองค์ โดยที่คนไทยไม่เคยกระด้าง กระเดื่องมาก่อน

แต่แล้วจ ู่ๆ ก็มีคนสร้างกระแสให้เกิดความรู้สึกว่าพวกเสื้อแดงในยุคปัจจุบันเป็นภัยต่อสถาบัน ทำให้พวกนักการเมืองถือเป็นโอกาส สร้างคนอีกกลุ่มหนึ่ง เช่นคนเสื้อเหลือง และ เสื้อสีน้ำเงิน ให้มาเป็นผู้ปกป้องสถาบัน ดังที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงดังที่กล่าวมา มันจะกลายเป็นไฟลามเลียประเทศ หรือว่าจะมอดดับลงในที่สุด ขึ้นอยู่ที่ผู้ถือบังเหียนในกองทัพ (เช่น พลเอก ป๊อกแป๊ก)ว่าจะกล้าถอนตัวออกมาจากอิทธิพลลึกลับ ที่อยู่กับตัวอำมาตย์ใหญ่ (พลเอก sensor sensor) หรือไม่ หรือว่า ตัวของท่านพลเอก sensor นั้นแหละ จะต้องตั้ง "กองวิจัย" ด่วนที่สุด ทำการตรวจสอบตัวเองว่าได้กระทำความเสียหาย ให้แก่สถาบัน ของชาติร้อนแรงเพียงใด

ทหารขอให้ระวัง จะกลายเป็นเครื่องมือ จับประชาชน เป็นศัตรูกับพระเจ้าแผ่นดิน ?!

จบบทที่ ๒๘ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น