วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 14 สนธิ ลิ้มทองกุล ยังโง่ไม่เลิก



บทที่ ๑๔ ตอน :สนธิ ลิ้มทองกุล ยังโง่ไม่เลิก ?!!

ขอกราบเรียนว่า "คดีลอบฆ่าสนธิ ลิ้มทองกุล" ไม่ได้เกี่ยวกับกงการอะไรของเราที่จะต้องเข้าไปวิพากย์วิจารณ์ แต่ด้วยเหตุว่า กรณี "สนธิ ลิ้มทองกุล" ถูกคำสั่งฆ่า ก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้กับ "แกนนำ" ของพวกเสื้อแดง ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เช่นพวก "สามเกลอหัวขวด" อาจถูกเด็ดชีพให้ด่าวดิ้นกลายเป็นผีเฝ้าป่าช้าทั้งนี้ เนื่องจากระบอบเผด็จการไม่มีวิธีอื่นที่จะทำได้ประทับใจโก๋ เท่ากับการ "สั่งฆ่า"ดังที่ได้กระทำกับสนธิ ลิ้มทองกุล

บัดนี้ "แป๊ะลิ้ม" สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เอาตัวเองและบริวาร ทำสงครามตัวแทน ช่วยเหลือเผด็จเสมอด้วยชีวิต ย่อมได้เห็น "ของจริง" ยิ่งกว่าใครคนอื่นโดยมีศรีษะของตัวเองเป็นเป้าสังหาร หากแต่เดชะบุญ ดวงยังแข็ง จึงรอดตายมาได้หวุดหวิด

ผมจึงอยากนำเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยส่วนรวมขึ้นมาเขียนนั้นก็คือ ตัวของ "แป๊ะลิ้ม" น่าจะรู้ดีกว่าใครว่า ตัวเองเดินทางผิด หรือว่าเดินทางถูกแล้ว ที่ได้เอาตัวเข้าไปเป็น "แกนนำ" ทำสงครามตัวแทนให้แก่พวกอำมาตย์เผด็จการใหญ่ทั้งหลาย

สิ่งหนึ่งที่อยากส่งคำพูดให้เข้าหูของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ก็คือ การกระทำของพันธมิตรที่มีตัวของสนธิเองเป็นหัวหน้า ผลของการกระทำในครั้งกระโน้น ที่กำลังออกดอกออกผลในวันนี้ มันได้ "กระทำ" ให้เกิดความ "แตกแยก" ในหมู่ประชาชนมากน้อยเพียงใด

นไทย แบ่งเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้ ใครเป็นคนก่อ สนธิ ลิ้มทองกุล รู้แล้วใช่ไหม ฝีมือของใคร มีคนเขาวิเคราะห์ว่า พวกอำมาตย์ใหญ่ มีแผนการณ์ที่จะ "ล้มระบอบการปกครอง" จึง หาวิธีการ "ล้มล้าง"ด้วยกระบวนการอันโฉดฃั่ว กล่าวคือ "กล่าวหาคนอื่น" แล้วโยนความชั่วให้คนเสื้อแดงว่าเป็นฝ่ายที่ไม่มีความจงรักภักดี ผลของการกระทำในครั้งนั้นลูกน้องของแป๊ะ ลิ้มเอง เป็นกระบอกเสียงโห่ออกมา เธอเป็ผู้หญิง คือ "อัญชลี ไพรีรัก" ชาวบ้านเรียก "อีนังปอง" อีนางคนนี้ได้ตะโกนเข้าไปในเครื่องส่ง ASTV ดังกระหึ่มไปทั่วโลก อันเป็นการเปิดฉาก แยกประชาชน ออกเป็นสองพวก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ ชาติไทย
แล้วก็สามารถแยกได้สำเร็จซะด้วย เหตุการณ์ในครั้งนี้ ย่อมหนีไม่พ้นกับคนชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นคนจุดประเด็นขึ้น แล้วเอามาขยายความในม็อบ พธม. ยังไงล่ะ คนเขาจึงจับภาพได้ว่า คนที่วางแผนล้มเจ้าตัวจริง ซึ่งมีอยู่หลายคนนั้น มีคนชื่อ "สนธิ ลิ้มทองกุล" รวมอยู่ด้วย จริงไม่จริง มันอยู่ที่สติปัญญาของคุณสนธิ จะอ่านตัวเองออกว่ากำลังทำอะไรอยู่ หากยังอ่านไม่ออก ให้นั่งลงต่อหน้า "นายโพธิรักษ์" หรือเดียรถีย์สันติอโศก แล้วยิงคำถามว่า การเอาคนไทยที่รักกันเป็นพันปีให้ทะเลาะกันได้ในหนนี้จัดอยู่ใน "กลเกม" ประเภทไหน ..ผมอยากให้สนธิ ถามประโยคดังกล่าวนี้
คุณสนธิครับ ผมชื่อ "สอาด จันทร์ดี" ผมอยากเขียนจดหมายถึงคุณสั้น ๆ ว่า การกระ ทำของคุณ มันโง่เกินกว่าจะให้อภัย คุณทำให้คนในชาติ"แตกเป็นเสี่ยง" แล้วคุณยังมีหน้า มาแสดงตนว่าเป็นคนรักชาติ

โธ่..สนธิ คนรักชาติ เขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก ถ้าอยากจะรู้ ว่าคนที่เขารักชาติเขาทำกันอย่างไร คำตอบก็คือ
(๑) ไม่ยึดอำนาจด้วยปลายกระบอกปืน
(๒) ไม่ดึงเอาสถาบันเบื้องสูงลงมาเป็นเครื่องมือของตัวเอง
(๓) ต้องปฏิเสธระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ
(๔) พัฒนาการเลือกตั้งโดยประชาชนให้ก้าวถึงที่หมาย
(๕) พร้อมใจกันทั่วประเทศ ใช้แนวทาง ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เกิดการพัฒนาตามรูปแบบของระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ในข้อที่ (๕) ดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็น "หัวใจ" ของระบอบประชาธิปไตย นั้นก็คือการพัฒนา สังคมตามระบอบประชาธิปไตยในยุคปัจจุบัน มิได้อาศัยแนวทางประชาธิปไตยแต่อย่างใด การกระทำทั้งหมด มันเป็น "เผด็จการทั้งดุ้น" อันเป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

ผิดพลาดแบบไหน อย่างไร ดูได้จากสถานการณ์วันต่อวัน ที่เห็นอยู่เต็มตา เช่น...ทหารยึดอำนาจ...ก็พากันเอาด้วย แต่งตั้งนายกโดยเผด็จการ ก็เอาด้วย ตั้งสภานิติบัญญัติจากมือเผด็จการแท้ ๆ ก็พากันเอาด้วย พวกเผด็จการสร้างรัฐธรรมนูญเถื่อน.(๒๕๕๐)..ก็เอาด้วย

เรียกว่า "เอาด้วย" กับระบอบเผด็จการแบบไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งไปกว่านี้ พวกคุณเอง ทำความผิด ไม่ยอมรับผิด แต่จะเอาความผิดกับพวกเสื้อแดงในทุกเรื่อง ไล่ทุบ ไล่ตี เอาตามใจชอบ...และสุดท้าย ตัวเองถูกลอบฆ่า ขณะดวงตะวันกำลังจะโผล่ขอบฟ้า คล้ายกับจะสั่งให้ตายก่อนพระอาทิตย์จะส่องแสง (ทำไมไม่เอาด้วย) สนธิ ลิ้มทองกุลเอ๋ย...

ที่เขียนมานี้ เป็นเพียงประโยคคำพูดสั้นจู๋ อ่านแล้วอาจจะไม่ เข้าใจ เพราะพวก "เผด็จการ" และ "พันธมิตร" รวมทั้งพรรคมะแลงสาบ อาจจะหลงทางอยู่กลางป่า คิดว่าจะสั่งประชาชนให้หันซ้าย หันขวา อย่างไรก็ได้ มันสายไปเสียแล้ว สนธิเฮ๋ย สายเพราะ
(๑) ขึ้นภาษีไปแล้ว
(๒) กู้ไปแล้ว แปดแสนล้าน
(๓) ออกพันธบัตร แลกเงินประชาชนอย่างสนุกสนาน นี้ก็คือการกู้
(๔) บริษัทห้างร้านเจ๊งรายวัน
(๕) รัฐบาลทำอะไรไม่เป็น โง่ดักดานเฟอะฟะ...ซ้ำซาก
(๖) ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ขายสินค้าเกษตร ได้ต่ำกว่าราคาทุน มันหมายถึง "ขาดทุน" ร้อยละ ๓๐ ถึง ๕๐ ...เรียกว่าเจ๊ง...เจ๊ง...เจ๊ง เจ็กจนหมดตัว

เมื่อเป็นเช่นนี้...แป๊ะลิ้ม จะทำประการใดจึงจะให้ประเทศไทย หายจากโรควิกฤติใน ครั้งนี้ได้ ? คุณช่วยตอบผมด้วย

ขอให้ตอบก็เพราะตัวคุณเป็นผู้กระโดดเข้าไปทำลายการ พัฒนาประเทศในขณะที่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร กำลังพาชาติเดินหน้าอย่างได้ผล

หมายเหตุ : ผมอยากสะกิดเตือนสติว่า อย่าได้กล่าวเท็จออกมาว่า ทักษิณ ขนเงิน ออกจากกระทรวงการคลังเอาไปต่างประเทศจนหมด จึงทำให้เงินคงคลังไม่มีเหลือ คำพูด แบบนี้สามารถทำให้ประชาชนหลงเชื่อได้ แต่ถ้าเอาคุณหญิงพรทิพย์ไปตรวจสอบลายมือ จะไม่พบ "รอยนิ้วมือของใครเข้าไปขน"

ทั้งนี้เนื่องจากไม่เคยมีใครเข้าไปขโมยเงินในท้องพระคลัง เงินมันหายไปเอง เนื่องจากมีแต่ใช้จ่ายออกไป ไม่มีปัญหาหาเข้ามา เงินมันเลยหมดไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงรีบหาทางกู้ และหาทางออกพันธมิตร เพื่อจะขน เงินเข้ามากองเอาไว้ให้ใช้จ่ายได้อย่างสะดวก ยังไงล่ะ ถามหน่อย...แป๊ะลิ้ม สนธิ ลิ้มทองกุล ยังโง่ไม่เลิก...ใช่ไหม ?!

จบบทที่ ๑๔ / สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น