วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 19 ทางออกของประเทศไทย

บทที่ ๑๙ ตอน : ทางออกของประเทศไทย ?!

ท่านผู้อ่าน ได้อ่านความเห็นในใบปลิวกู้ชาติไปแล้ว ๑๘ บท ผมก็ได้แต่เขียน - เขียน และเขียนจนเหนื่อยอ่อน ไม่รู้ว่าในที่สุด จะมีท่านผู้ใดถือเป็นธุระ ให้หรือไม่

ผมเขียนมาแล้วมากเรื่อง ล้วนแต่น่ารำคาญ เพราะเป็นปัญหาของประเทศไทยทั้งขึ้นทั้งล่อง นึกไม่ถึงว่าประเทศที่มีอู่ข้าว อู่น้ำ เหลือเฟือ แต่กำลังจะกลายเป็นประเทศยากจน จะทำอย่างไรได้ เมื่อเราได้รัฐบาลที่เอาแต่เล่นการเมือง (แก่งแย่งอำนาจ) จนทำให้ เสียเวลาและเสียโอกาสมากมายก่ายกอง มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าได้รัฐบาลที่เก่ง และมีฝีมือ แก้ปัญหาด้วยความรวดเร็ว บ้านเมืองจะไม่เป็นอย่างนี้อย่างแน่นอน

ขอเรียนว่าเมื่อมีความเห็นเขียนใบปลิวตำหนิ ต่อว่าต่อขานมาหลายบทแล้วก็อยากจะเขียนให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ข้อเสนอแนะและแนวทางที่จะสามารถแก้ปัญหาได้บ้าง จะได้ไม่เครียดในข้อเขียนที่ผมส่งมาให้อ่าน ผมจึงเขียนข้อเสนอ "ทางออกของประเทศไทย" !

ไม่อยากให้เสียเวลา ผมเสนอเสียเลยว่า ทางออกของประเทศไทยที่ดีที่สุดได้แก่การสร้างระบบและแนวทางที่เป็นประชาธิปไตยให้คนในชาติมี "ความสามัคคี" กันอย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ ถ้าสามารถสร้างระบบและแนวทางประชาธิปไตยได้สำเร็จ ก็จะทำให้คนในชาติรักใคร่ปรองดองกันด้วยความอิ่มเอิบและเต็มใจ

ปัญหาของประเทศไทยของเราในวันนี้ มีความผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายเกิดจากพรรคการเมือง นักวิชาการ นักการทหาร พ่อค้าใหญ่ อำมาตย์ใหญ่ นายธนาคาร และเจ้าพ่อ "มาเฟีย" ทั้งหลาย เมื่อมีความผิดพลาดแล้วแทนที่จะแก้ไข กลับปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาหมักหมมแก่สังคม คนส่วนใหญ่ได้ถือเอาปัญหา (วิกฤติ) เป็นโอกาส

กล่าวคือแทนที่จะช่วยกันชำระล้างปัญหาให้หมดไป กลับพากันถือโอกาส เป็นแนวทางหาเงินไปเสียฉิบ ปัญหาก็ยิ่งบานปลาย ปัญหาเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาที่ใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งมีความยุ่งยากและใหญ่โตมากยิ่งขึ้น ทำให้คนที่ได้ประโยชน์ จากวิกฤติอยู่แล้วยิ่งถือเป็นแนวทางหาเงินหนักข้อต่อไปด้วยความสดชื่น สมหวัง พึงพอใจ ในความร่ำรวย จนไม่อยากให้ความสงบเกิดขึ้นในประเทศ

ผมเคยได้ยินด้วยหู นักการเมืองเผด็จการพูดว่า "ถ้าไม่ทำให้ประเทศไทยมีสงคราม เราก็ไม่ได้ออกรบ เห็นไหม ทักษิณ ทำให้บ้านเมืองสงบ อะไรก็ดูดีไปจนหมด มันทำให้พวกเราหากินลำบากขึ้น ตอนนี้บ้านเมืองมีปัญหา สนามรบเปิด เราได้เข้าสู่สงคราม"

ผมแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง ที่ได้ยินเช่นนั้น เมื่อได้ยินแล้วจึงถึงบางอ้อว่าคนที่อยากให้ประเทศไทยมีปัญหามันมีหลายกลุ่ม หลายคณะ เช่น พวกทหาร คมช.ก็ต้องการอำนาจให้ตัวเองผาดโผนในยุทธจักร พรรคการเมืองใหญ่ก็จะได้ทำงานการเมืองเข้มข้นขึงขัง มีการเจรจาหาแหล่งทุน วางแผนต่อสู้กับคู่แข่ง เรียกว่าแต่ละกลุ่มแต่ละคณะต่างมีผลประโยชน์ของตนเองเป็นเป้าหมายหลัก

แต่สำหรับประชาชนคนรากหญ้านั้น ไม่มีโอกาสจะต่อรองกับใคร เกิดเป็นวันขึ้นมา มีแต่คนจะมา "ตกเขียว" หวังจะเอาข้าวในนา เอาปลาในบ่อ และหลอก ให้เลี้ยงไก่ด้วยการให้ทั้งทุน ให้ทั้งปุ๋ย แล้วปากหวานว่าจะรับชื้อไม่อั้น ครั้นถึงเวลาขายเจ้านายเอารถมาขน เลือกเอาแต่ตัวที่แข็งแรง ตัวไหน ผ่ายผอม อ่อนแอ จะถูกจับโยนทิ้งหลังจากนั้นก็คิดเงินตามจำนวนไก่ที่สามารถรับซื้อได้ ตรงนี้แล..คนเลี้ยงไก่เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน สุดท้ายก็ต้องรื้อเล้าไก่ทิ้ง หรือไม่ก็เซ้งให้คนที่ยังแข็งแรงกว่ารับเอาไปดำเนินการต่อ ภายใต้หลักการเดิม จากนายทุนคนเดิม...กติกาเดิมๆ อย่างไรก็อย่างนั้น ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมร่ายยาวให้ท่านได้อ่านเช่นนี้ ก็เพื่อจะทำให้เห็นภาพปัญหาของประเทศไทย ทั้งที่พรรคการเมืองใหญ่กระโดดลงมาทุบ มันสอดคล้องกับพวกนายทุน ที่รอโอกาสใช้แรงงาน "จำยอม" พวกนั้น
แรงงานที่จำยอม คือเหยื่อของระบบเผด็จการที่ครอบครองมายาวนานวันนี้ มีความขัดแย้งจาก ๓ สาเหตุ

(๑) สาเหตุที่ ๑ เป็นความขัดแย้งพื้นฐานจากระบอบเผด็จการครองเมือง คนพวกนี้ ต้องการให้ประเทศชาติมีปัญหา จะได้ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส ยิ่งรัฐบาลอ่อนแอ พวกเขายิ่ง จะมีอำนาจต่อรองกับนักการเมืองมากขึ้น

(๒) สาเหตุต่อมา เกิดจากพวกที่ต้องการล้มล้างระบอบการปกครอง จึงได้หาหนทาง วางแผนให้คนไทยทำสงครามแก่กัน ถ้าคนไทยเข่นฆ่ากันเองเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะเข้าทางปืน ของพวกเขา ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะล้มล้างระบอบการปกครอง ให้สูญสลายไปจากแผ่นดินสยามได้ โดยที่พวกเขาไม่ถูกตำหนิติเตียน แต่คนที่เขาชี้ หน้าด่ากราด จะเป็นฝ่ายได้รับ การด่าทอแทน คนกลุ่มนั้น คือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร และคนเสื้อแดง ทั้งหลาย

(๓) สาเหตุสุดท้ายเกิดจากพรรคการเมืองใหญ่ หวั่นวิตกว่าพรรคของตนจะไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาล เพราะมองไม่เห็น "ช่องทาง" ที่จะเอาชนะพรรคไทยรักไทยได้ จึงวางแผน บ่อนทำลายอย่างเหี้ยมโหด ทารุณ มิได้คิดสักนิดว่าจะเป็นผลเสียแก่ประเทศชาติ

ทั้ง ๓ ประเด็นดังกล่าวมา ล้วนแต่เป็นปัญหาที่แก้ได้ นั้นก็คือ...ทุกคน ทุกพรรค ยอมหันหน้าเข้าหากัน สารภาพผิดต่อกัน แล้วประกาศ "ความปรองดอง"เป็นวาระเร่งด่วนต้องทำให้สำเร็จภายในอันสั้น เมื่อตกลงกันได้ ให้รีบ "คืนอำนาจแก่ประชาชน" ประกาศยุบสภาทันที แล้วจัดการเลือกตั้งใหญ่ พรรคไหนชนะ ให้พรรคนั้นดำเนินการบริหารประเทศด้วยความราบรื่น ห้ามมิให้ "ม็อบผีบ้า-ม็อบผีบุญ" ยกกองทัพธรรมมายึดทำเนียบรัฐบาล ดังที่เคยทำ

ผมขอกราบเรียนว่า ถ้าเราสามารถแก้ระบบที่จะทำให้คนไทยได้รับ ประชาธิปไตย ก็ย่อมจะเป็นแนวทางทำให้เราสามารถมีทางออกให้แก่ประเทศของเรา ดังนั้น ผมจึงอยากเสนอ เรื่องนี้ถึงคณะกรรมาธิการ ทหาร ตำรวจ นักการเมืองใหญ่ และ พวกมือที่มองไม่เห็น ขอให้สนับสนุนให้คนไทยได้ประชาธิปไตย เพื่อจะเป็นเครื่องมือ ให้คนไทยรักกันได้ด้วยใบหน้าสดชื่น แจ่มใส ไม่เป็นศัตรูของกันและกันอีกต่อไป

เผด็จการเอ๋ย คนไทยทะเลาะกันร้ายแรงขนาดนี้ ยังคิดว่าเป็นเรื่องเล็กอยู่กระนั้นหรือ หรือว่าจะรอให้ "ฆ่ากันเละตุ้มเป๊ะ" เสียก่อน จึงจะยอมรับความจริง

อำนาจของใครไม่ทราบ ปิดกั้นเอาไว้ จึงแก้ปัญหาไม่ได้

ทางออกที่ผมเสนอ ได้แก่ "ขอให้สร้างระบบที่เป็นประชาธิปไตยเพื่อจะทำให้คนในชาติรักใคร่ปรองดอง - สามัคคีกันได้อย่างแท้จริง" อย่าดื้อรั้นต่อไปเลย มันจะเกิดเหตุร้าย !

จบบทที่ ๑๙/ สอาด จันทร์ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น